ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พระราชอิสริยยศ | กษัตริย์เมืองน่าน พระเจ้านครน่าน เจ้านครน่าน พระยานครน่าน |
---|---|
ปกครอง | นครน่าน และหัวเมืองขึ้นอีก 45 เมือง |
เชื้อชาติ | ไทยวน, ไทลื้อ |
สาขา | ราชสกุล ณ น่าน สายที่ 1 พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ สายที่ 2 เจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ สายที่ 3 เจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ |
จำนวนพระมหากษัตริย์ | 14 พระองค์ |
ประมุขพระองค์แรก | พระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ |
ผู้นำสกุลองค์ปัจจุบัน | อ้างสิทธิ: เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน |
ประมุขพระองค์สุดท้าย | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา |
ช่วงระยะเวลา | 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2269 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 (205 ปี 2 เดือน 6 วัน) |
สถาปนา | 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2269 |
สิ้นสุด | 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 |
ราชวงศ์ก่อนหน้า | ราชวงศ์ภูคา |
ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ หรือ ราชวงศ์น่าน หรือ นันทราชวงศ์ เป็นราชวงศ์ลำดับที่สองต่อจากราชวงศ์ภูคา ที่ปกครองนครน่าน เริ่มปกครองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2269 จนถึงปี พ.ศ. 2474 รวมระยะเวลา 205 ปี มีเจ้าผู้ครองนคร 14 พระองค์
การสถาปนา
[แก้]ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ หรือ ราชวงศ์น่าน ได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2269 โดย พระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ โดยทรงสืบเชื้อสายมาเจ้านายเมืองเชียงใหม่[note 1] ได้รับการราชาภิเษกขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครน่าน" เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2269 และมีการสืบสันตติวงศ์กันต่อๆ มา
พระนาซ้าย (น้อยอินทร์) ซึ่งเป็นคนเมืองน่าน อาศัยอยู่ที่บ้านฝายแก้ว ต่อมาพระมหากษัตริย์พม่าได้แต่งตั้งให้ดูแลรักษาเมืองน่าน และในปี พ.ศ. 2269 หลังจากที่ดูแลเมืองน่านมาได้ 10 ปี จึงได้กราบทูลขอให้ราชสำนักพม่าให้ส่งเจ้ามาปกครองเมืองน่าน เพราะในเวลานั้นเชื้อสายเจ้าเมืองน่านแต่เดิมนั้นไม่มีแล้วประกอบกับพญาหลวงติ๋นมหาวงศ์มีเชื้อสายเจ้า และเคยปกครองบ้านเมืองมาก่อนและส่วนตัวของพระนาซ้าย (น้อยอินทร์) ไม่มีเชื้อสายเจ้ามาแต่ก่อนจึงไม่กล้าครองเมืองจึงได้อัญเชิญพญาหลวงติ๋นมหาวงศ์มาครองเมืองน่านและมีเจ้าผู้ครองนครสืบลงมา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2325 เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน จึงได้เข้ามาสวามิภักดิ์เป็นข้าขอบขัณฑสีมาเมืองประเทศราช และต่อมาในปี พ.ศ. 2347 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเป็นครั้งแรก และให้ดำรงพระยศเหมือนเจ้าฟ้าไทใหญ่ในพม่า อิสริยยศที่ทรงพระราชทานเลื่อนขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าเมืองน่าน มีพระนามว่า "..สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ สมเด็จเจ้าฟ้าเมืองน่าน.."
ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ภายใต้การปกครองของพม่า
[แก้]ต่อมานครน่าน ได้เป็นประเทศราชรวมอยู่ในราชอาณาจักรสยาม โดยในช่วง พ.ศ. 2297 – 2327 หัวเมืองล้านนาต่าง ๆ พยายามแข็งข้อต่อพม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสามารถโจมตีขับไล่พม่าออกจากเชียงใหม่เป็นผลสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2317 แต่นครน่านยังตกอยู่ในฝ่ายพม่า เจ้าน้อยวิฑูร เจ้านครน่านถูกจับและถูกคุมตัวส่งไปยังกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2321) เมืองน่านจึงขาดเจ้าผู้ปกครอง พม่าได้ยกทัพกวาดต้อนผู้คนไปอยู่ที่เชียงแสน ทำให้เมืองน่านถูกทิ้งร้างว่างเปล่า จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงแต่งตั้งให้เจ้ามงคลวรยศ หลานเจ้าพญาหลวงติ๋นมหาวงศ์ มาปกครองนครน่านที่รกร้างว่างเปล่า และในปี พ.ศ. 2328 กองกำลังพื้นเมืองล้านนาโดยการสนับสนุนของกองทัพสยาม ขับไล่พม่าออกไปได้สำเร็จ นครน่านจึงรวมเข้าอยู่ในราชอาณาจักรสยาม และเจ้ามงคลวรยศได้ยกนครน่านให้เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญปกครองสืบไป
ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (ภายใต้การปกครองของอาณาจักรรัตนโกสินทร์)
[แก้]หลังจากเมืองนครน่าน ขึ้นกับกรุงรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ. 2331 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ได้ลงไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ณ กรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน และแต่งตั้งเจ้าสุมนเทวราช ขึ้นเป็นเจ้าพระยาหอหน้า พ.ศ. 2343 นครน่านจึงมีฐานะเป็นหัวเมืองประเทศราชของกรุงเทพฯ ตั้งแต่นั้นมา เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญมีความสามารถในการปกครองและบริหารบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง นับแต่เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมากรุงรัตนโกสินทร์ เมืองน่านมีฐานะเป็นหัวเมืองประเทศราช เจ้าผู้ครองนครมีอำนาจสิทธิเด็ดขาด ในการปกครองพลเมือง การขึ้นครองนครแม้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรุงรัตนโกสินทร์ แต่โดยทางปฏิบัติแล้ว พระมหากษัตริย์กรุงรัตนโกสินทร์ทรงให้เจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองน่านเลือกตัวเจ้านายผู้มีอาวุโสเป็นเจ้าผู้ครองนครกันเอง มิได้ทรงยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายใน
เจ้าผู้ครองนครน่านในชั้นหลังทุกพระองค์ต่างจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ได้ช่วยราชการบ้านเมืองสำคัญ ๆ หลายครั้งหลายคราวด้วยกัน เช่น ช่วยราชการสงครามเมืองเชียงแสนในรัชกาลที่ 1 ปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ในรัชกาลที่ 3 ช่วยราชการสงครามเมืองเชียงตุง ในรัชกาลที่ 4 เป็นต้น
สมัยเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแก้ไขวิธีการปกครองแผ่นดินขึ้นใหม่ ในปี พ.ศ. 2435 โดยแบ่งการปกครองหัวเมืองออกเป็นมณฑลเทศาภิบาล ได้ทรงส่งข้าราชการผู้ใหญ่ที่ไว้วางพระราชหฤทัยจากกรุงเทพฯ เป็นผู้แทนต่างพระเนตร พระกรรณมากำกับดูแล การบริหารบ้านเมืองของเจ้าผู้ครองนคร เรียกชื่อตามตำแหน่งทำเนียบว่า 'ข้าหลวงประจำเมือง'
จวบจนมาถึงสมัยเงี้ยวปล้นเมืองแพร่ เมื่อปี พ.ศ. 2445 เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน มีความชอบในการช่วยปราบกบฎเงี้ยวที่ปล้นเมืองแพร่ สนองพระเดชพระคุณเป็นที่พอพระทัยยิ่ง ในปี พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่าเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้ประกอบคุณงามความดี แก่ราชการบ้านเมือง เป็นที่รักใคร่นับถือของเจ้านายท้าวพระยาและพลเมืองโดยทั่วไป จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนาเลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้านครเมืองน่าน ขึ้นเป็น พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุระมหาราชวงษาธิบดี สุจริตจารีราชานุภาวรักษ วิบูลยศักดิกิตติไพศาล ภูบาลบพิตร์ สถิตย์ณนันทราชวงษ์ พระเจ้านครเมืองน่าน
หลังจาก พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ทรงถึงแก่พิราลัยเมื่อปี พ.ศ. 2461 เจ้ามหาพรหมสุรธาดา (เจ้าอุปราช) ได้ขึ้นครองเมืองน่าน ในสมัยนี้อำนาจของเจ้าผู้ครองนครลดน้อยลงทางกรุงเทพฯ ได้จัดส่งข้าราชการ เช่น ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด คลังจังหวัด และสรรพากรจังหวัด ฯลฯ มาประจำหน่วยงานเรียกกันว่า 'เค้าสนามหลวง' ส่วนตัวเจ้าผู้ครองนครได้กำหนดรายได้เป็นอัตราเงินเดือน ส่วยสาอากรต่าง ๆ ต้องเก็บเข้าท้องพระคลังทั้งสิ้น เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2475 ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครถูกยุบเลิกแต่นั้นมา[1]
ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ปกครองเมืองนครน่านรวมระยะเวลา 205 ปี มีเจ้าผู้ครองนครน่านสืบสันตติวงศ์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ต่อเนื่องกันมาถึง 14 รัชกาล นับเป็นบรรพบุรุษแห่งราชสกุล ณ น่าน, มหายศนันทน์, มหาวงศนันทน์, พรหมวงศนันทน์ และราชสกุลอื่น ๆ ในปัจจุบัน[2]
รายชื่อนามสกุลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน แก่เจ้านายนครเมืองน่าน
[แก้]นามสกุลเจ้านายนครเมืองน่าน ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุลขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 โดยให้มีผลใช้บังคับในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 นามสกุลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่เจ้านายนครเมืองน่าน มีดังนี้
- ณ น่าน (อักษรโรมัน: na Nân) (เลขที่ 1162): พระราชทานเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2456 แก่ พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 ที่ทรงสืบเชื้อสายราชสกุลมาจาก พระเจ้านครน่านหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมวงศ์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ และพระราชทานแก่เจ้านายเมืองนครน่านที่เป็นทายาทสืบราชสกุลจาก เจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 และเจ้านายที่เป็นทายาทสืบราชสกุลจาก เจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 (องค์สุดท้าย)
- มหายศนันทน์ (อักษรโรมัน: Mahâyasanandana) (เลขที่ 1165): พระราชทานเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2456 แก่ เจ้าอุตรการโกศล (มหาไชย) เจ้าอุตรการโกศลนครเมืองน่าน รองผู้พิพากษาศาล เมืองนครน่าน ทรงสืบสกุลวงศ์มาจาก พระเจ้ามหายศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 59
- มหาวงศนันทน์ (อักษรโรมัน: Mahâvansanandana) (เลขที่ 1164): พระราชทานเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2456 แก่ เจ้าวรญาติ (เทพรศ) เจ้าวรญาตินครเมืองน่าน นายงานคมนาคม เมืองนครน่าน ทรงสืบสกุลวงศ์มาจาก พระเจ้ามหาวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 61
- พรหมวงศนันทน์ (อักษรโรมัน: Brahmavansanandana) (เลขที่ 1163): พระราชทานเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2456 แก่ เจ้าไชยสงคราม (มธุรศ ) เจ้าไชยสงครามนครเมืองน่าน กรมการพิเศษ เมืองนครน่าน ทรงสืบสกุลวงศ์มาจาก เจ้าฟ้ามหาพรหมวงศ์ เจ้าฟ้าเมืองเทิง
- จิตรวงศนันทน์: พระราชทานแก่เจ้านายบุตรหลานที่สืบสกุลวงศ์มาจาก พระเจ้าอชิตวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 60
- วรยศ: พระราชทานแก่เจ้านายบุตรหลานที่สืบสกุลวงศ์มาจาก พระเจ้ามงคลวรยศ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 56
- สมณะช้างเผือก: พระราชทานแก่เจ้านายบุตรหลานที่สืบสกุลวงศ์มาจาก พระเจ้าสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58 (ผู้นำช้างเผือกขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย รัชกาลที่ 2)
- ไชยวงศ์หวั่นท๊อก: พระราชทานแก่เจ้านายบุตรหลานที่สืบสกุลวงศ์มาจาก พระเจ้าอริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 52
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน
[แก้]รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน 14 พระองค์ แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (พ.ศ. 2269 - พ.ศ. 2474) มีรายพระนามตามลำดับ ดังนี้
ลำดับ | พระรูป | รายพระนาม | ครองราชย์ | ||
---|---|---|---|---|---|
เริ่ม | สิ้นสุด | รวมเวลา | |||
1 | พระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ (พระเจ้าเมืองน่าน) |
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2269 | 16 มิถุนายน พ.ศ. 2294 | 25 ปี | |
2 | พระยาอริยวงษ์ (เจ้าเมืองน่าน) |
30 กันยายน พ.ศ. 2297 | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2311 | 14 ปี | |
3 | พระยานายอ้าย (เจ้าเมืองน่าน) |
4 ตุลาคม พ.ศ. 2311 | 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2312 | 1 ปี | |
4 | พระยามโนราชา (เจ้าเมืองน่าน) |
10 กันยายน พ.ศ. 2312 | 25 มีนาคม พ.ศ. 2317 | 5 ปี | |
5 | พระยาวิธูร (เจ้าเมืองน่าน) |
25 มีนาคม พ.ศ. 2317 | 31 มีนาคม พ.ศ. 2321 | 4 ปี | |
6 | พระยามงคลวรยศ (เจ้าเมืองน่าน) |
2 เมษายน พ.ศ. 2326 | 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2329 | 3 ปี | |
7 | เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ (เจ้าฟ้าเมืองน่าน) |
19 สิงหาคม พ.ศ. 2331 | 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2353 | 23 ปี | |
8 | พระยาสุมนเทวราช (พระยานครน่าน) |
13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2354 | 26 มิถุนายน พ.ศ. 2368 | 14 ปี | |
9 | พระยามหายศ (พระยานครน่าน) |
6 กันยายน พ.ศ. 2368 | 30 มกราคม พ.ศ. 2378 | 10 ปี | |
10 | พระยาอชิตวงษ์ (พระยานครน่าน) |
28 มกราคม พ.ศ. 2380 | 11 ตุลาคม พ.ศ. 2380 | 8 เดือน | |
11 | พระยามหาวงษ์ (พระยานครน่าน) |
23 เมษายน พ.ศ. 2381 | 23 ตุลาคม พ.ศ. 2394 | 13 ปี | |
12 | เจ้าอนันตวรฤทธิเดช (เจ้านครเมืองน่าน) |
14 พฤษภาคม พ.ศ. 2395 | 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2435 | 40 ปี | |
13 | พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช (พระเจ้านครเมืองน่าน) |
21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 | 5 เมษายน พ.ศ. 2461 | 25 ปี | |
14 | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา (เจ้านครน่าน) |
11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 | 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 | 12 ปี |
ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครน่าน ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย
[แก้]เจ้านายผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครน่าน ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
ลำดับ | รูป | รายนาม | ดำรงตำแหน่ง | รวมระยะเวลา | ความสัมพันธ์ |
---|---|---|---|---|---|
1 | เจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) |
พ.ศ. 2474 - พ.ศ. 2501 | 27 ปี | พระโอรสใน เจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 | |
2 | เจ้าโคมทอง ณ น่าน | พ.ศ. 2501 - พ.ศ. 2542 | 41 ปี | ธิดาใน เจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) | |
3 | เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน | พ.ศ. 2542 - ปัจจุบัน | 25 ปี 395 วัน | ธิดาใน เจ้าโคมทอง ณ น่าน |
การขอแต่งตั้งเจ้าผู้ครองนครน่านไม่สำเร็จ
[แก้]เมื่อเสร็จการพระพิธีถวายพระเพลิงพระศพ เจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 และองค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2475 แล้วนั้น เจ้านายบุตรหลานและเหล่าราษฎรเมืองนครน่าน ได้มีฎีกากราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรี ความว่าขอให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้ง "อำมาตย์โท เจ้าราชวงศ์ (สุทธิสาร ณ น่าน) เจ้าราชวงศ์นครน่าน" ผู้เป็นพระภาติยะ (หลาน) ของเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครน่าน" องค์ต่อไป แต่เนื่องจากในเวลานั้นทางรัฐบาลสยามได้เกิดการปฎิรูปเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 จึงพระราชทานฎีกานั้นไปให้คณะราษฎร พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีสยาม คนที่ 1 พิจารณาพร้อมกับคณะรัฐมนตรีสมัยนั้นได้พิจารณาลงเห็นว่า เมื่อครั้งรัฐบาลราชาธิปไตยในสมัยรัชกาลที่ 7 พระองค์เคยมีพระราชดำริที่จะไม่ทรงตั้งเจ้าผู้ครองนครอีกต่อไป เมื่อเจ้าผู้ครองนครองค์ใดเสด็จถึงแก่พิราลัยลงก็จะไม่ทรงแต่งตั้งขึ้นอีก
แต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงเห็นว่านครน่าน เป็นหัวเมืองชายแดนที่เสี่ยงต่อการถูกยุยงให้เข้าหาจักรวรรดิฝรั่งเศส อีกทั้งสถานการณ์ปลี่ยนไปเนื่องจากอาณาจักรสยามไม่ได้ปกครองโดยพระมหากษัตริย์เหมือนแต่ก่อน เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยเช่นนี้ควรที่รัฐบาลจะได้พิจารณาทบทวนนโยบายเดิมเสียด้วย รัฐบาลในยุคนั้นได้พิจารณากันต่อเนื่องยาวนาน และมีการเสนอว่าควรจะเลิกตำแหน่งเจ้าผู้ครองนคร แล้วสถาปนาเจ้านายฝ่ายเหนือให้เป็น "Prince" แบบที่ราชสำนักญี่ปุ่นตั้งเจ้านายเกาหลี บ้างก็เสนอให้ตั้งเป็นพระองค์เจ้า แล้วแยกเป็นวงศ์ "ณ เชียงใหม่", "ณ ลำปาง", "ณ ลำพูน", "ณ น่าน" กันไป
สุดท้ายคณะราษฎรจึงได้ส่งพระยาจ่าแสนยบดีศรีบริบาล (ชิต สุนทรวร) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ขึ้นมาสืบข่าวในนครน่าน จึงพบว่า "อำมาตย์โท เจ้าราชวงศ์ (สุทธิสาร ณ น่าน) เจ้าราชวงศ์นครน่าน" ในขณะนั้นมีชนมายุ 70 ปี และเป็นพระโอรสในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 และองค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ และเป็นผู้ใหญ่ในวงศ์ตระกูล "ณ น่าน" และมีความดีความชอบและไม่ยุ่งยากเหมือนวงศ์ตระกูล "ณ ลำปาง" จึงเห็นสมควรให้มีการตั้งขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครน่านได้ ครั้นเมื่อพระยาจ่าแสนยบดีศรีบริบาล (ชิต สุนทรวร) เดินทางกลับกรุงเทพฯ และได้เสียชีวิตลงก่อนจึงไม่ได้เสนอ เรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐบาล และท้ายที่สุดทางรัฐบาลของอาณาจักรสยามลงความเห็นว่าไม่ควรให้มีตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครอีกต่อไป โดยให้เหตุผลว่าในเวลานั้นไม่มีราษฎรเลื่อมใสในเจ้านายแล้ว จึงทำให้ "อำมาตย์โท เจ้าราชวงศ์ (สุทธิสาร ณ น่าน) เจ้าราชวงศ์นครน่าน" มิได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็น “เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 65” ต่อจาก เจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 จึงถือเป็นการสิ้นสุดระบอบการปกครองของเจ้านายแห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ในนครน่านนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา[3]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ พระเจ้านครน่านหลวงติ๋นมหาวงศ์ ปฐมเจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (บางตำรา[ระบุข้อมูลทางบรรณานุกรมไม่ครบ]ระบุว่า) พระองค์ทรงสืบเชื้อสายมาจาก พระเจ้าศรีสองเมือง กษัตริย์แห่งแคว้นล้านนา และเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 42
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ราชวงศ์ภูคา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-29. สืบค้นเมื่อ 2020-01-08.
- ↑ "ราชวงศ์ภูคา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-29. สืบค้นเมื่อ 2020-01-08.
- ↑ หนังสือ พระราชทานเพลิงศพ เจ้าศรีพรหมา ณ น่าน /บันทึกหม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา
แหล่งข้อมูลเพิ่ม
[แก้]- การวิเคราะห์สังคมเมืองน่าน จากกฎหมายอาณาจักรหลักคํา (พ.ศ.2395-2451)[ลิงก์เสีย]
- ตระกูลหลวงติ๋นและจุด เริ่มต้นของการสร้าง “น่านใหม่” พ.ศ. 2267-2331 เก็บถาวร 2022-04-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- “เส้นทางสายเจ้าฟ้า” เที่ยวน่านตามรอยราชวงศ์หลวงติ๋น
ก่อนหน้า | ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์ภูคา | ราชวงศ์ที่ปกครองนครน่าน (พ.ศ. 2269 - พ.ศ. 2475) |
ยกเลิกเจ้าผู้ครองนคร (พ.ศ. 2475) |