ยูโรเกม
ยูโรเกม (อังกฤษ: Eurogame) บางครั้งเรียกว่า บอร์ดเกมสไตล์เยอรมัน หรือเกมสไตล์ยูโร เป็นแบบหนึ่งของเกมเล่นบนโต๊ะ (tabletop games) โดยมากมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นโดยอ้อมและองค์ประกอบทางกายภาพที่เป็นนามธรรม เกมยูโรสไตล์เน้นยุทธศาสตร์ในขณะที่ลดโชคและความขัดแย้ง มีแนวโน้มที่จะมีรูปแบบทางเศรษฐกิจไม่ใช่ทหารและมักจะเก็บผู้เล่นทั้งหมดไว้ในเกมจนกว่าจะสิ้นสุดลง
ยูโรเกม บางครั้งถูกนำไปเปรียบเทียบกับเกมกระดานสไตล์อเมริกันซึ่งมักเกี่ยวข้องกับโชคดี ความขัดแย้ง และดราม่า[1][2]
ยูโรเกมเป็นเกมกลยุทธ์ทางทฤษฎีที่มีความเป็นทฤษฎีน้อยกว่าหมากรุก แต่มากกว่าเกมสงคราม (wargames) ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ความคิดมากกว่าปาร์ตี้เกม เช่น Pictionary หรือ Trivial Pursuit แต่น้อยกว่าเกมกลยุทธ์ อย่าง หมากรุก และ หมากล้อม
ความหมายและรูปแบบต่างๆ
[แก้]ยูโรเกมเป็นคำกำกับที่ใช้กันโดยทั่วไป แต่ยังไม่แน่นอน เนื่องจากส่วนใหญ่ของเกมเหล่านี้มีชื่อของนักออกแบบเด่นชัดในกล่อง บางครั้งเป็นที่รู้จักกันในนามของดีไซเนอร์เกม(designer game)[3] ชื่ออื่น ๆ ได้แก่ บอร์ดเกมสไตล์เยอรมัน เกมกลยุทธ์สำหรับครอบครัวและฮอบบี้เกม เกมที่มีน้ำหนักเบาและสั้นกว่านี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อเกตเวย์เกม ขณะที่อีกเกมที่หนักกว่านั้นจะเรียกว่าเกมของนักเล่นเกม (gamers' game)[4]
ประวัติ
[แก้]ยูโรเกมใช้สื่อถึงเกมกระดานสมัยใหม่ เช่น เกม Acquire ที่ปรากฏตัวในยุค 60 ซีรีย์ 3M ซึ่งกลายเป็นส่วนที่ได้รับความนิยมในเยอรมนีและกลายเป็นแม่แบบสำหรับเกมรูปแบบใหม่ซึ่งความขัดแย้งโดยตรงหรือสงครามไม่ได้มีบทบาท เนื่องจากส่วนหนึ่งเกิดความเกลียดชังความขัดแย้งในเยอรมนีหลังสงคราม[5][6] เกมถูกพัฒนามากขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 ในประเทศเยอรมนีและในปี 2009 เยอรมนีได้ซื้อเกมกระดานต่อหัวมากกว่าประเทศอื่น ๆ[7] ปรากฏการณ์นี้แพร่กระจายไปยังประเทศในยุโรปอื่น ๆ เช่นฝรั่งเศสเนเธอร์แลนด์และสวีเดน ในขณะที่มีการแพร่หลายและเผยแพร่เกมจำนวนมากในตลาดอื่น ๆ เช่นสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรแต่กลับถูกเล่นโดยคนกลุ่มน้อยเท่านั้น[7]
ผู้บุกเบิกแห่งคาทาน (The Settlers of Catan) เริ่มวางขายในปี 1995 เป็นการปูทางยุโรเกมนอกยุโรป[8] แม้ว่าจะไม่ใช่เกม "เยอรมัน" หรือเป็นเกมแรกทีมีคนเล่นนอกประเทศเยอรมนี แต่ก็เป็นที่นิยมมากกว่าเกมรุ่นก่อน ๆ ยอดขายล้านเกมในเยอรมนีได้อย่างรวดเร็วและนำเงินและความสนใจไปที่ประเภทนี้ ยูโรเกมอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ได้แก่ Carcassonne, Puerto Rico, Ticket to Ride, และ Alhambra
ลักษณะ
[แก้]ยูโรเกมมักเล่นได้หลายคนและเรียนรู้ได้ง่ายและเล่นในระยะเวลาอันสั้น สามารถเล่นได้หลายครั้งในหนึ่งช่วง มีการพูดคุยกันระหว่างเล่น ต่างจากเกมกลยุทธ์เช่น หมากรุก และหมากล้อมหรือมีข้อจำกัดในบทสนทนาหรือการกระทำดังเช่นเกมที่มีการแข่งขันสูง อย่างบริดจ์ (เกมไพ่)
ธีม
[แก้]ยูโรมักมีธีม (องค์ประกอบของบทบาทการเล่นหรือเรื่องราวเบื้องหลัง) เช่นเดียวกับ Monopoly หรือ Clue แทนที่จะเป็นโป๊กเกอร์หรือ Tic Tac Toe กลศาสตร์เกมไม่ได้ถูกจำกัดโดยธีม อย่างไรก็ตาม ต่างเกมจำลอง(simulation game) รูปแบบของ Eurogame มักจะเป็นเพียงแค่การช่วยจำเท่านั้น ค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเกมที่ได้รับการออกแบบโดยมีธีมเดียวและตีพิมพ์อีกฉบับหนึ่งหรือสำหรับเกมเดียวกันนี้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปสำหรับการตีพิมพ์ในภายหลัง หรือสำหรับสองเกมในรูปแบบต่างๆที่แตกต่างกันจะมีกลศาสตร์ที่คล้ายกัน โดยมากจะไม่ใช่ธีมการต่อสู้และความขัดแย้งของผู้เล่นมักเป็นทางอ้อม (เช่น การแข่งขันเพื่อหาทรัพยากรที่หายาก)
ตัวอย่างเช่น
- Carcassonne – สร้างภูมิทัศน์ยุคกลางที่เต็มไปด้วยเมืองที่เต็มไปด้วยกำแพง อาราม ถนนและทุ่งนา
- Puerto Rico – พัฒนาสวนบนเกาะเปอร์โตริโกตั้งอยู่ในศตวรรษที่ 18
- Imperial – ในฐานะนักลงทุนต่างชาติมีอิทธิพลต่อการเมืองของจักรวรรดิยุโรปสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
- Bruxelles 1893 – ใช้บทบาทของสถาปนิกอาร์ตนูโวในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และพยายามที่จะกลายเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเบลเยี่ยม[9]
เกมสำหรับทุกคน
[แก้]ในขณะที่หลาย ๆ เกม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความหนักหน่วงทางกลยุทธ์) มีการเล่นอย่างกระตือรือร้นโดยนักเล่นเกมเป็นงานอดิเรก แต่ยูโรเกม ส่วนใหญ่เหมาะกับการเล่นทางสังคม ลักษณะต่างๆของเกมมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนด้านดังกล่าวได้ดีและเป็นที่นิยมในประเภทนี้ ตัวอย่างเช่น โดยทั่วไป ยูโรเกม ไม่กำหนดจำนวนผู้เล่นหมือนเช่นหมากรุกหรือบริดจ์ แม้ว่าจะมีเกมสไตล์เยอรมันขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เล่น 2 คนเกมส่วนใหญ่สามารถรองรับผู้เล่นได้ 2-6 คน (มีระดับความเหมาะสมแตกต่างกันไป) เกมเล่นหกคนค่อนข้างหายากหรือต้องการการขยายตัวเช่นเดียวกับ Settlers of Catan หรือ Carcassonne โดยปกติผู้เล่นแต่ละคนเล่นเพื่อตัวเขาเองหรือมากกว่าในการเป็นคู่หรือทีม จำนวนผู้เล่นมักมีจำนวนไม่มาก และน้อยกว่า 10 เพื่อให้ทุกคนมีปฏิสัมพันธ์กัน
ระยะเวลาการเล่นอาจมีได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงถึงหลายชั่วโมง โดยมากจะอยู่ระหว่าง 1- 2 ชั่วโมง ต่างการเกมแบบ Risk หรือ Monopoly ที่สามาระเพิ่มเวลาออกไปได้เรื่อยๆ ยูโรเกมมักมีวิธีจบเกมภายในเวลาที่กำหนด เช่น คะแนนที่ผู้เลยต้องมีเพื่อชนะ จำนวนตาการเล่น หรือ ทรัพยากรที่มีจำกัด เช่น Ra และ Carcassonne จะมีจำนวนแผ่นเล่นที่จำกัด
การสุ่มต่ำ
[แก้]ยูโรเกมถูกออกแบบมาให้มีการสุ่มต่ำและไม่ต้องพึ่งพาโชคมากนัก[10] การสุ่มของเกมจะอยู่ที่การแบ่งทรัพยากรณ์ในตอนแรกหรือการแบ่งไผ่เป้าหมาย
ไม่มีการคัดคนออก
[แก้]อีกหนึ่งลักษณะเด่นของเกมนี้คือการขาดการกำจัดผู้เล่น การขจัดผู้เล่นก่อนสิ้นสุดเกมจะถูกมองว่าขัดต่อลักษณะทางสังคมของเกมดังกล่าว เกมส่วนใหญ่เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นทุกคนในเกมให้นานที่สุด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้รับชัยชนะหรือพ่ายแพ้จนกว่าจะถึงช่วงปลายเกม
ระบบการให้คะแนนของยูโรเกมมักได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การให้คะแนนที่ซ่อนอยู่หรือโบนัสสิ้นสุดของเกมสามารถทำให้ผู้เล่นที่คะแนนตามอยู่ชนะได้ ผลที่ตามมาก็คือยูโรเกม มีแนวโน้มที่จะมีเส้นทางหลายแห่งที่จะได้รับชัยชนะ (ขึ้นอยู่กับการเล็งไปที่โบนัสของเกมที่แตกต่างกัน) และมักไม่ชัดเจนสำหรับผู้เล่นรายอื่นว่าว่าวางแผลจะเอาชนะอย่างไร
กลไกการถ่วงดุลมักถูกรวมเข้าไปในกฎ ทำให้ข้อดีเล็กน้อยที่จะทำให้ผู้เล่นที่คะแนนตามและเป็นอุปสรรคต่อผู้เล่นที่คะแนนนำ ซึ่งจะช่วยให้เกมมีความแข่งขันได้มากจบ
กลไกลเกม
[แก้]มีการใช้กลไกแบบใหม่ที่หลากหลายและมีการหลีกเลี่ยงกลศาสตร์ที่คุ้นเคยเช่น การทอยลูกเต๋า และการเคลื่อนย้าย การจับหรือการหลอก ถ้าเกมมีกระดาน กระดานมักไม่สม่ำเสมอหรือสมมาตร (เช่น Risk ไม่ใช่ตารางหมากรุก) กระดานจะเป็นแบบสุ่ม (เช่น Settlers of Catan) หรือมีองค์ประกอบแบบสุ่ม (เช่น Tikal) บอร์ดบางส่วนมีความหมายเพียงเล็กน้อยหรือมีรูปแบบที่ชัดเจนแต่เพื่อความสะดวกในการเล่นเท่านั้น เช่นกระดาน cribbage ตัวอย่างของเรื่องนี้ ได้แก่ Puerto Rico และPrinces of Florence องค์ประกอบแบบสุ่มมักมีอยู่ แต่มักไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อเกม ในขณะที่กฎมีน้ำหนักเบาถึงปานกลางพวกเขาอนุญาตให้ใช้ความลึกของการเล่นโดยปกติต้องใช้ความคิดการวางแผนและการเปลี่ยนกลยุทธ์ผ่านเกมเหมือนเกมหมากรุกหรือแบ็คแกมมอน
Stuart Woods ได้บรรยายถึง 6 กลไกที่พบได้บ่อยในยูโรเกม[5]
- การวางไทล์ - ตำแหน่งเชิงพื้นที่ของส่วนประกอบของเกมบนกระดานเล่น
- ประมูล - รวมถึงการประมูลแบบเปิดและแบบซ่อนของทั้งทรัพยากรและการกระทำจากผู้เล่นรายอื่นและระบบเกมด้วยตัวเองi
- เจรจา แลกเปลี่ยน - ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อขายทรัพยากรที่มีค่าเท่ากัน แต่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถตั้งตลาดได้
- การเก็บเป็นเซ็ท - การเก็บรวบรวมทรัพยากรในเกมเป็นกลุ่มเฉพาะเพ่อนำไปแลกคะแนนหรือเงิน
- ควบคุมพื้นที่ - หรือที่เรียกว่าพื้นที่ส่วนใหญ่หรืออิทธิพลนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมองค์ประกอบของเกมหรือพื้นที่บอร์ดผ่านการจัดสรรทรัพยากร
- การวางคนงานหรือเลือกการกระทำ - ผู้เล่นเลือกการกระทำของเกมที่เฉพาะเจาะจงตามลำดับโดยผู้เล่นไม่ได้รับอนุญาตให้เลือกการกระทำที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้
ผู้ออกแบบเกมเปรียบเสมือนผู้แต่ง
[แก้]แม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับการเล่น ชื่อของผู้ออกแบบเกมมักปรากฎอย่างชัดเจนอยู่บนกล่อง หรือในสมุดกฎ ผู้ออกแบบชท่อดังมีผู้ติดตามมากมายในยูโรเกม ด้วยเหตุนี้ดีไซเนอร์เกมก้เป็นหนึ่งในคำอธิบายของยูโรเกม[3]
อุตสาหกรรม
[แก้]ผู้ออกแบบ
[แก้]รายชื่อผู้ออกแบบยูโรเกม
- Antoine Bauza เป็นนักออกแบบชาวฝรั่งเศสที่ร่ำรวยเป็นที่รู้จักกันดีในผลงาน 7 Wonders
- Vlaada Chvátil lเป็นผู้ออกแบบบอร์ดเกมและวิดีโอเกมชาวเช็ก ได้แก่เกม Through the Ages: A Story of Civilization Galaxy Trucker และ Space Alert เขาเป็นที่รู้จักดีในฐานะคนออกแบบกฏที่ไม่เหมือนใคร กฎจะถูกอธิบายผ่าน "สถานการณ์การเรียนรู้" หลายอย่างที่ค่อยๆแนะนำผู้เล่นตามกฎขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการผ่านสถานการณ์
- Leo Colovini เป็นที่รู้จักจากเกม Cartagena และ Carcassonne: The Discovery.
- Stefan Feld เป็นที่รู้จักจากเกมที่ใช้ลูกเต๋า[11] เป้นผู้ออกแบบเกมอย่าง Castles of Burgundy และ Trajan aยังได้เสนอเข้าชิงรางวัล Spiel des Jahres.
- Friedemann Friese เป็นนักออกแบบชาวเยอรมันที่รู้จักกันดีใน Power Grid รวมถึงเกมอื่น ๆ อีกมากมาย
- Reiner Knizia ออกแบบมากกว่า 200 เกม กลไกลหลักได้แก้ การประมูลใน Ra และ Modern Art การวางไทล์ ใน Tigris and Euphrates และ Ingenious การให้คะแนนที่ซับซ้อน จาก Samurai และการ์ดเกมอย่าง Lost Cities Schotten-Totten และ Blue Moon cooperative board game The Lord of the Rings.
- Wolfgang Kramer มักทำงานร่วมกับผู่ออกแบบคนอื่น เกมที่เป็นที่รู้จักของเขาได้แก่ El Grande, Tikal, Princes of Florence, และ Torres
- Alan R. Moon ชาวอังกฤษ ชอบออกแบบเกมธีมรถไฟเช่น Ticket to Ride และ Elfenland
- Alex Randolph ออกแบบกว่า 125
- Uwe Rosenberg ออกแบบ Agricola เกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากบน BoardGameGeek อีกทั้ง Bohnanza, Le Havre, และเกมอื่นๆ
- Sid Sackson ชาวอเมริกัน[5]
- Andreas Seyfarthออกแบบเกมชนะรางวัลอย่าง Manhattan, Puerto Rico, และร่วมกับ Karen Seyfarth ออกแบบเกม Thurn and Taxis
- Klaus Teuber ออกแบบเพียงไม่กี่เกม แต่หลายเกมได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและชนะรางวัล Spiel des Jahres เช่น ผุ้บุกเบิกแห่งคาทาน และ Adel Verpflichtet
- Klaus-Jürgen Wrede ผู้ออกแบบซี่รี่ส์ Carcassonne board game series จนถึงกันยายน 2014 Carcassonne มีภาคเสริมหลักจำนวน 9 อัน และย่อยอีกมากมาย
ผู้ผลิต
[แก้]มีบริษัทเยอรมันหลายแห่งที่ผลิตเกมกระดานเช่น Hans im Glück และ Goldsieber บ่อยครั้งที่ผู้ผลิตชาวเยอรมันจะพยายามสร้างเกมแนวเดียวกันเช่นเกมเล่นสองคนของ Kosmos และเกมกล่องใหญ่ของ Alea
สิทธิในการขายเกมเป็นภาษาอังกฤษมักขายให้กับ บริษัทอื่น บางแห่งพยายามเปลี่ยนเกมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่น Rio Grande Games ในขณะที่ Mayfair Games เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเกมและบางครั้งก็กฎระเบียบด้วยเช่นกัน
รางวัล
[แก้]รางวัลเกมบอร์ดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเยอรมันคือ Spiel des Jahres ("เกมแห่งปี")[5][12] รางวัลนี้เน้นที่เกมครอบครัว เกมสั้น ๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายเช่น Ticket to Ride และ Elfenland มักเป็นที่ต้องการของคณะกรรมการที่ให้รางวัล ในทางตรงกันข้าม Deutscher Spiele Preis ("รางวัลเกมเยอรมัน") มักได้รับรางวัลสำหรับเกมที่มีความซับซ้อนและมีกลยุทธ์เช่น Puerto Rico อย่างไรก็ตามมีบางเกมที่กว้างพอที่จะชนะทั้งสองรางวัลได้แก่ Settlers of Catan (1995), Carcassonne (2001), Dominion (2009)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "German recreation: An affinity for rules?" The Economist, August 28, 2008.
- ↑ Jonathan Kay (January 21, 2018). "The Invasion of the German Board Games". The Atlantic. สืบค้นเมื่อ January 30, 2018.
- ↑ 3.0 3.1 Bob Schwartz. "One Retailer's Perspective". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-17. สืบค้นเมื่อ 2018-03-22.
- ↑ "Glossary". Board Game Geek. BoardGameGeek. สืบค้นเมื่อ 19 October 2015.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 Woods, Stuart (2009). Eurogames: The Design, Culture and Play of Modern European Board Games. McFarland. ISBN 0786467975.
- ↑ Donovan, Tristan (2017). It's All a Game: The History of Board Games from Monopoly to Settlers of Catan. Thomas Dunne Books. ISBN 1250082722.
- ↑ 7.0 7.1 Curry, Andrew (23 March 2009). "Monopoly Killer: Perfect German Board Game Redefines Genre". archive.wired.com. สืบค้นเมื่อ 27 May 2015.
- ↑ Harford, Tim (17 July 2010). "Why we still love board games". ft.com. FT Magazine. สืบค้นเมื่อ 27 May 2015.
- ↑ "Bruxelles 1893 Review – An Art Nouveau & Architecture Board Game". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-28. สืบค้นเมื่อ 2018-03-22.
- ↑ Stevens, DJ (2017-09-13). "Abandoning the screen for cardboard".
- ↑ Casey, Matt (2 October 2014). "Making better use of dice in games". สืบค้นเมื่อ 26 January 2016.
- ↑ Tinsman, Brian (2008). The Game Inventor's Guidebook: How to Invent and Sell Board Games, Card Games, Role-Playing Games, & Everything in Between!. Morgan James Publishing. ISBN 1600374476.