ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 แห่งสวีเดน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้ากุสตาฟที่ 3
พระบรมสาทิสลักษณ์โดย Lorens Pasch, ค.ศ. 1777
พระมหากษัตริย์สวีเดน
ครองราชย์12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1771 – 29 มีนาคม ค.ศ. 1792
ราชาภิเษก29 พฤษภาคม ค.ศ. 1772
ก่อนหน้าอดอล์ฟ เฟรดริก
ถัดไปกุสตาฟที่ 4 อดอล์ฟ
พระราชสมภพ24 มกราคม ค.ศ. 1746
สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
สวรรคต29 มีนาคม ค.ศ. 1792(1792-03-29) (46 ปี)
พระราชวังสต็อกโฮล์ม สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
ฝังพระศพ14 พฤษภาคม ค.ศ. 1792
โบสถ์ริดดาร์โฮล์ม
คู่อภิเษกโซฟี เมาดาลีเนอแห่งเดนมาร์ก (สมรส 1766)
พระราชบุตรพระเจ้ากุสตาฟที่ 4 อดอล์ฟแห่งสวีเดน
เจ้าชายคาร์ล กุสตาฟ ดยุกแห่งสมอลันด์
ราชวงศ์ฮ็อลชไตน์-ก็อททอร์ป
พระราชบิดาพระเจ้าอดอล์ฟ เฟรดริกแห่งสวีเดน
พระราชมารดาลูอีเซอ อุลรีเคอแห่งปรัสเซีย
ศาสนาลูเทอแรน
ลายพระอภิไธย
ธรรมเนียมพระยศของ
พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 แห่งสวีเดน
พระราชลัญจกร
ธงประจำพระอิสริยยศ
ตราประจำพระองค์
การทูลHis Majesty (ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท)
การแทนตนข้าพระพุทธเจ้า
การขานรับyour Majesty (พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ)

พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 แห่งสวีเดน (สวีเดน: Gustav III; 24 มกราคม [ตามปฎิทินเก่า: 13 มกราคม] ค.ศ. 1746 – 29 มีนาคม ค.ศ. 1792)หมายเหตุเรื่องวันที่[1] มีอีกพระนามว่า กุสตาวุสที่ 3 (ละติน: Gustavus III)[2] เป็นกษัตริย์แห่งสวีเดนระหว่าง ค.ศ. 1771 จนถูกลอบปลงพระชนม์ในใน ค.ศ. 1792 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในพระเจ้าอดอล์ฟ เฟรดริกแห่งสวีเดน[1] กับสมเด็จพระราชินีลูอีเซอ อุลรีเคอแห่งสวีเดน

กุสตาฟเป็นผู้คัดค้านอย่างเปิดเผยต่อสิ่งที่พระองค์เห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิพิเศษทางการเมืองที่ชนชั้นขุนนางยึดครองนับตั้งแต่การสรรคตของพระเจ้าคาร์ลที่ 12 ในมหาสงครามเหนือ การยึดอำนาจรัฐบาลผ่านรัฐประหารที่มีชื่อว่าการปฏิวัติสวีเดนใน ค.ศ. 1772 ซึ่งทำให้ยุคแห่งเสรีภาพสิ้นสุดลง

กุสตาฟในฐานะชื่นชมวอลแตร์ รับรองให้ชาวคาทอลิกและชาวยิวในสวีเดนเป็นเรื่องถูกกฎหมาย และทรงตั้งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ครอบคลุมโดยกว้าง เพื่อมุ่งเป้าไปที่เสรีนิยมทางเศรษฐกิจ การปฏิรูปสังคม และการจำกัดการทรมานและโทษประหารชีวิตในหลายกรณี พ.ร.บ.เสรีภาพสื่อมวลชนใน ค.ศ. 1766 ที่ได้รับเสียงชื่นชม กลับถูกจำกัดอย่างรุนแรงด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมใน ค.ศ. 1774 และ 1792 ที่มีผลให้สื่ออิสระดับสูญไป[3]

ใน ค.ศ. 1777 กุสตาฟที่ 3 เป็นประมุขแห่งรัฐที่เป็นกลางอย่างเป็นทางการคนแรกของโลกที่ให้การรับรองสหรัฐ[4] ในช่วงที่ทำสงครามประกาศเอกราชจากบริเตนใหญ่ กองทัพสวีเดนเข้าพัวพันกับฝ่ายอาณานิคมจำนวนพันกว่านาย[5] ซึ่งส่วนใหญ่เข้าผ่านกองกำลังสำรวจฝรั่งเศส[6] กุสตาฟฟื้นฟูอาณานิคมโพ้นทะเลของสวีเดนในทวีปอเมริกา (แม้เป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์) ผ่านการเข้าซื้อกิจการในแซ็ง-บาร์เตเลมีเมื่อ ค.ศ. 1784 และมีกำไรส่วนพระองค์จากการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างมหาศาล[7]

พระราชอิสริยยศ

[แก้]

พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 ทรงเป็นที่รู้จักในสวีเดนและต่างประเทศด้วยพระราชอิสริยยศ ดังนี้:

กุสตาฟ ด้วยพระคุณของพระเจ้า กษัตริย์แห่งชาวสวีเดน กอท และเวนด์, แกรด์พรินซ์แห่งฟินแลนด์, ดยุกแห่งพอเมอเรเนีย, เจ้าชายแห่งรือเกิน และลอร์ดแห่งวิสมาร์, รัชทายาทแห่งนอร์เวย์ และดยุกแห่งชเลสวิก-โฮลชไตน์, ชทอร์มาร์น และดิทมาร์เชิน, เคานต์แห่งโอลเดินบวร์คและเดลเมินฮอร์สต์, ฯลฯ[8]

พระชนม์ชีพช่วงต้นและการศึกษา

[แก้]

กุสตาฟเสด็จพระราชสมภพที่สต็อกโฮล์ม[1] โดยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของ Hedvig Elisabet Strömfelt จนกระทั่งพระชนมพรรษา 5 พรรษา จากนั้นจึงศึกษาภายใต้การดูแลของผู้ว่าราชการสองคนที่ถือเป็นรัฐบุรุษชาวสวีเดนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในยุคนั้น คือ: Carl Gustaf Tessin และ Carl Fredrik Scheffer ถึงกระนั้น สิ่งที่หล่อหลอมพระองค์ในการศึกษาช่วงต้นอาจเป็นผลงานส่วนใหญ่ของ Olof von Dalin กวีและนักประวัติศาสตร์[9]

อภิเษกสมรสและพระราชโอรส

[แก้]

ขึ้นครองราชย์และรัฐประหาร

[แก้]
พิธีราชาภิเษกพระเจ้ากุสตาฟในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1772

ในช่วงขึ้นครองราชย์ รัฐสภาสวีเดนมีอำนาจมากกว่าพระมหากษัตริย์ แต่รัฐสภากลับแตกแยกกันอย่างรุนแรงระหว่างพรรคคู่แข่ง[1] คือ ฝ่ายหมวก (Hats) และฝ่ายหมวกแก็ป (Caps) เมื่อกุสตาฟที่ 3 เสด็จกลับสวีเดน พระองค์พยายามไกล่เกลี่ยระหว่างสองกลุ่มแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ[1] จากนั้นในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1771 พระองค์ทรงเปิดรัฐสภาแรกในสมัยของพระองค์ด้วยสุนทรพจน์ที่กระตุ้นอารมณ์อันแรงกล้า นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าศตวรรษที่กษัตริย์สวีเดนตรัสปราศรัยต่อรัฐสภาสวีเดนในภาษาแม่ (แทนที่ภาษาฝรั่งเศส) ความพยายามของฝ่ายหมวกแก็ปที่จะลดพระองค์เป็น roi fainéant (กษัตริย์ไร้อำนาจ) ในภายหลังส่งเสริมให้พระองค์พิจารณาก่อรัฐประหาร[10]

ระหว่างรัฐธรรมนูญนิยมและสมบูรณาญาสิทธิราช

[แก้]

พระเจ้ากุสตาฟทรงงานปฏิรูปในเส้นทางเดียวกันกับประมุขร่วมสมัยในยุคเรืองปัญญา[10] กระบวนการยุติธรรมทางอาญามีความผ่อนปรนมากขึ้น การประหารชีวิตถูกจำกัดให้เหลือเพียงรายการอาชญากรรมที่ค่อนข้างสั้น (รวมทั้งการฆาตกรรม) และยกเลิกการทรมานเพื่อให้ได้คำรับสารภาพ แม้ว่า "โทษประหารชีวิตอันเข้มงวด" ที่มีการลงโทษทางกายคล้ายการทรมานก่อนการประหารชีวิตจะยังคงอยู่ก็ตาม

เหรียญที่ระลึกใน ค.ศ. 1777

พระเจ้ากุสตาฟทรงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในธุรกิจทุกแผนก แต่พึ่งพาที่ปรึกษาภายนอกที่พระองค์เลือกเองอย่างมากแทนที่จะพึ่งสภาองคมนตรีสวีเดน ความพยายามในการแก้ไขการทุจริตคอร์รัปชันที่แพร่หลาย ซึ่งเฟื่องฟูภายใต้การปกครองของฝ่ายหมวกและหมวกแก็ปใช้เวลาไปมากพอสมควร และพระองค์ยังพบว่าจำเป็นต้องนำคดีทั้งหมดขึ้นพิจารณาคดีต่อทั้ง Göta Hovrätt[10] ศาลยุติธรรมชั้นสูง เยินเชอปิง

พระเจ้ากุสตาฟยังแนะนำนโยบายเศรษฐกิจแห่งชาติใหม่ โดยใน ค.ศ. 1775 มีดารส่งเสริมการค้าเสรีด้านธัญพืชและยกเลิกค่าธรรมเนียมการส่งออกที่กดขี่หลายรายการ มีการแก้ไขกฎหมายประชาสงเคราะห์และประกาศจำกัดเสรีภาพทางศาสนาแก่ชาวโรมันคาทอลิกและยิว พระเจ้ากุสตาฟยังออกแบบและเผยแพร่ชุดประจำชาติสวีเดนให้แพร่หลาย ซึ่งใช้กันทั่วไปในหมู่ชนชั้นสูงตั้งแต่ ค.ศ. 1778 จนกระทั่งพระองค์สวรรคต[10] (และสตรีในราชสำนักยังคงสวมใส่ในโอกาสสำคัญ)

หมายเหตุ

[แก้]
  • ^หมายเหตุเรื่องวันที่ : สวีเดนเปลี่ยนระบบปฏิทินจากปฏิทินจูเลียนไปเป็นปฏิทินกริกอเรียนใน ค.ศ. 1753 ทำให้วันที่ 17 กุมภาพันธ์จึงตามมาด้วยวันที่ 1 มีนาคม

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "Gustav III". Encyclopaedia Britannica. สืบค้นเมื่อ 18 January 2019.
  2. Robert Nisbet Bain: Gustavus III. and his contemporaries 1746–1792, 2 Bände London: Kegan Paul, Trench, Trübner, 1894
  3. Cronholm, Neander N. (1902). A History of Sweden from the Earliest Times to the Present Day. ch 37
  4. Anna Klerkäng in Sweden – America's First Friend Örebro 1958
  5. Barton, H.A. (1966). "Sweden and the War of American Independence". The William and Mary Quarterly. 23 (3): 408–430. doi:10.2307/1919238. JSTOR 1919238.
  6. "Sweden's Part in the American Revolution". Sweden & The American Revolution. By Adolph B. Benson. Illustrated. 216 pp. New Haven: The Tuttle, Morehouse & Taylor Company. The New York Times. 3 July 1927.
  7. Harrison, Dick (24 September 2016). "Sanningen om det svenska slaveriet (SvD Premium)". Svenska Dagbladet. สืบค้นเมื่อ 23 December 2017.
  8. Ekman, Ernst (7 September 1975). "Sweden, the Slave Trade and Slavery, 1784-1847". Outre-Mers. Revue d'histoire. 62 (226): 221–231. doi:10.3406/outre.1975.1827 – โดยทาง www.persee.fr.
  9. Bain 1911, p. 736.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 Bain 1911, p. 737.

ข้อมูล

[แก้]
  • Swedish High Court (1792). Protocoller hållne uti kongl. Maj:ts högste domstol eller justitie-revision med dertil hörande handlingar, rörande det å högstsalig hans May:t Konung Gustaf den III:dje, glorwyrdigst I åminnelse, föröfwade mord. Stockholm: Anders Zetterberg.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
ก่อนหน้า พระเจ้ากุสตาฟที่ 3 แห่งสวีเดน ถัดไป
พระเจ้าอดอล์ฟ เฟรดริก พระมหากษัตริย์สวีเดน
(พ.ศ. 2314 - 2335)
พระเจ้ากุสตาฟที่ 4 อดอล์ฟ