ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รถถัง"
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล โรบอต: แทนที่คำ |
ล เพิ่มหมวดหมู่:ยานรบหุ้มเกราะแบ่งตามชนิดด้วยฮอทแคต |
||
(ไม่แสดง 45 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 24 คน) | |||
บรรทัด 2: | บรรทัด 2: | ||
{{ตรวจสอบความถูกต้อง}} |
{{ตรวจสอบความถูกต้อง}} |
||
{{ต้องการอ้างอิง}} |
{{ต้องการอ้างอิง}} |
||
[[ไฟล์: |
[[ไฟล์:Mark IV tank.jpg|thumb|200x200px|รถถัง Mark IV]] |
||
'''รถถัง''' เป็น[[รถถังของตู่โหดสุด|ยานรบหุ้มเกราะ]]ติด[[ตีนตะขาบ]]ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรบที่แนวหน้าซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความคล่องตัว การรุก และการป้องกัน อำนาจการยิงของมันมาจากปืนหลักขนาดใหญ่ของมันที่ติดตั้งอยู่บนป้อมส่วนบนที่หมุนได้พรัอมกับมี[[ปืนกล]]ติดตั้งอยู่เพื่อเป็นอาวุธรอง ในขณะที่เกราะขนาดหนักและความสามารถในการเคลื่อนที่ของมันเป็นสิ่งที่คอยปกป้องชีวิตของพลประจำรถ นั่นทำให้มันสามารถทำงานหลักของทหารราบยานเกราะได้ทั้งหมดใน[[สมรภูมิ]]<ref>von Senger and Etterlin (1960), ''The World's Armored Fighting Vehicles'', p.9.</ref> |
|||
== ประวัติ == |
|||
'''รถถัง''' เป็น[[ยานพาหนะต่อสู้หุ้มเกราะ]]ติด[[ตีนตะขาบ]]ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรบที่แนวหน้าซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความคล่องตัว การรุก และการป้องกัน อำนาจการยิงของมันมาจากปืนหลักขนาดใหญ่ของมันที่ติดตั้งอยู่บนป้อมส่วนบนที่หมุนได้พรัอมกับมี[[ปืนกล]]ติดตั้งอยู่เพื่อเป็นอาวุธรอง ในขณะที่เกราะขนาดหนักและความสามารถในการเคลื่อนที่ของมันเป็นสิ่งที่คอยปกป้องชีวิตของพลประจำรถ นั่นทำให้มันสามารถทำงานหลักของทหารราบยานเกราะได้ทั้งหมดใน[[สมรภูมิ]]<ref>von Senger and Etterlin (1960), ''The World's Armored Fighting Vehicles'', p.9.</ref> |
|||
{{main|ประวัติของรถถัง}} |
|||
รถถังเริ่มนำมาใช้ใน[[สงครามโลกครั้งที่ 1]] โดย[[ |
รถถังเริ่มนำมาใช้ใน[[สงครามโลกครั้งที่ 1]] ครั้งแรกโดย[[อังกฤษ]] ได้แก่ [[wikipedia:Mark_IV_tank|Mark IV tank]] เพื่อใช้มันสนับสนุนทหารราบในการฝ่าทะลุแนว[[สนามเพลาะ]] พวกมันถูกใช้ในยุทธการซอมม์ในจำนวนน้อยมาก ในช่วงที่มันถูกสร้างขึ้นมันถูกเรียกว่ายานลำเลียงน้ำเพื่อปกปิดวัตถุประสงค์การใช้งานจริงของมัน คำว่า"แท็งค์" (''tank'') นั้นมาจากคำว่า "Water tank" ที่แปลว่าถังน้ำ ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนทหารราบมันจึงทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 5-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การมาของ [[wikipedia:Mark_IV_tank|Mark IV tank]] ทำให้ฝ่ายเยอรมันพัฒนารถถังของตนเอง ได้แก่ [[wikipedia:A7V|A7V]] เพื่อตอบโต้ฝ่ายอังกฤษ |
||
ฝรั่งเศสเป็นชาติแรกในโลกที่พัฒนารถถังที่ติดตั้งปืนบนป้อมซึ่งหมุนได้ 360 องศาได้แก่ [[wikipedia:Renault_FT|Renault FT]] และใช้พลรถถังเพียง 2 คน ในการควบคุมรถถัง ต่างจาก [[wikipedia:Mark_IV_tank|Mark IV tank]] ของ[[อังกฤษ]]ที่ต้องใช้พลรถถังถึง 8 คนในการควบคุม และ [[wikipedia:A7V|A7V]] ของเยอรมนีที่ใช้พลรถถัง 18 คน |
|||
การพัฒนาในสงครามของมันเกิดขึ้นใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]ทำให้มันเป็นแนวคิดหลักของ[[สงครามยานเกราะ]]ซึ่งอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นบทบาทหลักในสงครามโลกครั้งที่ 2 [[สหภาพโซเวียต]]ได้นำรถถัง[[ที-34]] มาใช้ มันเป็นหนึ่งในรถถังที่ดีที่สุดในสงครามและเป็นต้นตำรับของ[[รถถังหลัก]] [[เยอรมนี]]ใช้[[การโจมตีสายฟ้าแลบ]] ซึ่งเป็นยุทธวิธีในการใช้กองกำลังรถถังเป็นหลักโดยมี[[ปืนใหญ่]]และการยิงทางอากาศเข้าสนับสนุนเพื่อเจาะทะลุแนวป้องกันของศัตรู |
การพัฒนาในสงครามของมันเกิดขึ้นใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]ทำให้มันเป็นแนวคิดหลักของ[[สงครามยานเกราะ]]ซึ่งอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นบทบาทหลักในสงครามโลกครั้งที่ 2 [[สหภาพโซเวียต]]ได้นำรถถัง[[ที-34]] มาใช้ มันเป็นหนึ่งในรถถังที่ดีที่สุดในสงครามและเป็นต้นตำรับของ[[รถถังหลัก]] [[เยอรมนี]]ใช้[[การโจมตีสายฟ้าแลบ]] ซึ่งเป็นยุทธวิธีในการใช้กองกำลังรถถังเป็นหลักโดยมี[[ปืนใหญ่]]และการยิงทางอากาศเข้าสนับสนุนเพื่อเจาะทะลุแนวป้องกันของศัตรู |
||
<gallery> |
|||
ไฟล์:Bundesarchiv Bild 101I-297-1740-19A, Frankreich, SS-Division "Hitlerjugend", Panzer IV.jpg|[[พันท์เซอร์ 4]] |
|||
ไฟล์:M3 tanks during maneuvers in the UK c1942.jpg|[[เอ็ม3 ลี]] |
|||
ไฟล์:T-34 prototypes.jpg|[[ที-34]] |
|||
ไฟล์:The British Army in Normandy 1944 B7649.jpg|[[รถถังครอมเวลล์]] |
|||
ไฟล์:Japanese Tanks on Shumshu (2).jpg|[[ไทป์ 97 ชิฮะ รถถังขนาดกลาง|ไทป์ 97 ชิฮะ]] |
|||
ไฟล์:P26-40 tank.jpg|[[คาร์โร อาร์มาโต พี 40]] |
|||
ไฟล์:B1 bis tank 260 Ouragan Guise 1940.jpg|[[ชาร์ บี1]] |
|||
</gallery> |
|||
ปัจจุบันรถถังนั้นไม่ปฏิบัติการเพียงลำพังนัก พวกมันจะรวมกันเป็นหน่วยซึ่งจะมี[[ทหารราบ]]ให้การสนับสนุน ทหารเหล่านั้นจะทำงานร่วมกับ[[รถสายพานลำเลียงพล]]หรือยานพาหนะต่อสู้ทหารราบ รถถังยังถูกใช้ร่วมกับการสอดแนมหรือการโจมตีภาคพื้นดินทางอากาศอีกด้วย |
ปัจจุบันรถถังนั้นไม่ปฏิบัติการเพียงลำพังนัก พวกมันจะรวมกันเป็นหน่วยซึ่งจะมี[[ทหารราบ]]ให้การสนับสนุน ทหารเหล่านั้นจะทำงานร่วมกับ[[รถสายพานลำเลียงพล]]หรือยานพาหนะต่อสู้ทหารราบ รถถังยังถูกใช้ร่วมกับการสอดแนมหรือการโจมตีภาคพื้นดินทางอากาศอีกด้วย |
||
เนื่องมาจากความสามารถและความหลากประโยชน์ของรถถังประจัญบานที่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญของกองทัพยุคใหม่<ref name="House1984"/> อย่างไรก็ตามในสงครามนอกกรอบได้นำข้อสงสัยมาสู่กองพลยานเกราะ<ref>{{ Citation | first = Roger | last = Tranquiler | title = Modern Warfare. A French View of Counterinsurgency, trans. Daniel Lee | quote = Pitting a traditional combined armed force trained and equipped to defeat similar military organisations against insurgents reminds one of a pile driver attempting to |
เนื่องมาจากความสามารถและความหลากประโยชน์ของรถถังประจัญบานที่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญของกองทัพยุคใหม่<ref name="House1984"/> อย่างไรก็ตามในสงครามนอกกรอบได้นำข้อสงสัยมาสู่กองพลยานเกราะ<ref>{{ Citation | first = Roger | last = Tranquiler | title = Modern Warfare. A French View of Counterinsurgency, trans. Daniel Lee | quote = Pitting a traditional combined armed force trained and equipped to defeat similar military organisations against insurgents reminds one of a pile driver attempting to</ref> |
||
== ประวัติรถถัง == |
|||
{{main|ประวัติของรถถัง}} |
|||
== การออกแบบ == |
== การออกแบบ == |
||
[[ไฟล์:M1 Abrams-TUSK.svg|thumb|left|500px|แผนภาพโครงสร้างของรถถัง]] |
[[ไฟล์:M1 Abrams-TUSK.svg|thumb|left|500px|แผนภาพโครงสร้างของรถถัง]] |
||
ปัจจัยหลักสามปัจจัยที่จะกำหนดความีประสิทธิภาพของรถถังคือ ''อำนาจการยิง'' ''การป้องกัน'' และ''ความคล่องตัว'' ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 การผลิตรถถังแบบเศรษฐกิจนั้นดูแลโดยบริษัทผู้ผลิต การออกแบบรถถังขึ้นอยู่กับการคำนวณและการบำรุงรักษา เป็นสิ่งที่ถูกยอมรับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะบ่งบอกว่ารถถังมากแค่ไหนเป็นกำลังสำคัญของประเทศ |
ปัจจัยหลักสามปัจจัยที่จะกำหนดความีประสิทธิภาพของรถถังคือ ''อำนาจการยิง'' ''การป้องกัน'' และ''ความคล่องตัว'' ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 การผลิตรถถังแบบเศรษฐกิจนั้นดูแลโดยบริษัทผู้ผลิต การออกแบบรถถังขึ้นอยู่กับการคำนวณและการบำรุงรักษา เป็นสิ่งที่ถูกยอมรับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะบ่งบอกว่ารถถังมากแค่ไหนเป็นกำลังสำคัญของประเทศนั้น ๆ |
||
ไม่มีการออกแบบใดที่ถูกใช้ในจำนวนมากพอที่จะพิจูน์ได้ว่าซับซ้อนเกินไปหรือยากเกินไปที่จะผลิต และมันได้สร้างความต้องการของกองทัพอย่างมาก การออกแบบที่มีราคาถูกได้เข้ามามีตำแหน่งเหนือกว่าเอกลักษณ์ในการทำงานของรถถัง ไม่ว่าที่ไหนสิ่งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะดีกว่ายุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อรถถังทั้งสองของฝ่ายสัมพันธิมตร [[ที-34]] และ[[เอ็ม4 เชอร์แมน]] ที่แม้ว่าจะมีการออกแบบทางวิศวกรรมที่เหมือนกัน แต่มันถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่ารถถังที่ออกแบบได้ยุ่งยากของเยอรมนี ซึ่งเป็นรถถังที่แพงกว่า ด้วยสิ่งนั้นลูกเรือของรถถังจะต้องใช้เวลาส่วนมากในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน วิศวกรรมแบบง่ายๆ จึงถูกนำมาใช้กับการออกแบบรถถังหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างการพัฒนากลไก ไฟฟ้า และเทคโนโลยี |
ไม่มีการออกแบบใดที่ถูกใช้ในจำนวนมากพอที่จะพิจูน์ได้ว่าซับซ้อนเกินไปหรือยากเกินไปที่จะผลิต และมันได้สร้างความต้องการของกองทัพอย่างมาก การออกแบบที่มีราคาถูกได้เข้ามามีตำแหน่งเหนือกว่าเอกลักษณ์ในการทำงานของรถถัง ไม่ว่าที่ไหนสิ่งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะดีกว่ายุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อรถถังทั้งสองของฝ่ายสัมพันธิมตร [[ที-34]] และ[[เอ็ม4 เชอร์แมน]] ที่แม้ว่าจะมีการออกแบบทางวิศวกรรมที่เหมือนกัน แต่มันถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่ารถถังที่ออกแบบได้ยุ่งยากของเยอรมนี ซึ่งเป็นรถถังที่แพงกว่า ด้วยสิ่งนั้นลูกเรือของรถถังจะต้องใช้เวลาส่วนมากในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน วิศวกรรมแบบง่ายๆ จึงถูกนำมาใช้กับการออกแบบรถถังหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างการพัฒนากลไก ไฟฟ้า และเทคโนโลยีใหม่ ๆ |
||
อำนาจการยิงเป็นจุดเด่น การปะทะ และการทำลายของรถถัง การป้องกันเป็นสิ่งที่มันต้องมี ความคล่องตัวไปทั่วสมรภูมิบนพื้นที่ขรุขระและสิ่งกีดขวางนั้นต้องดีเท่ากับการเคลื่อนที่บนถนน ทางรถไฟ การขนส่งทางเรือหรือเครื่องบิน เพื่อที่จะเข้าร่วมในสมรภูมิได้อย่างรวดเร็ว |
อำนาจการยิงเป็นจุดเด่น การปะทะ และการทำลายของรถถัง การป้องกันเป็นสิ่งที่มันต้องมี ความคล่องตัวไปทั่วสมรภูมิบนพื้นที่ขรุขระและสิ่งกีดขวางนั้นต้องดีเท่ากับการเคลื่อนที่บนถนน ทางรถไฟ การขนส่งทางเรือหรือเครื่องบิน เพื่อที่จะเข้าร่วมในสมรภูมิได้อย่างรวดเร็ว |
||
การออกแบบรถถังนั้นเป็นสิ่งที่เป็นชั้นยอด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มอำนาจการยิง การป้องกัน และความคล่องตัวให้สูงสุดในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การเพิ่มการป้องกันด้วยการเพิ่มเกราะเข้าไปจะทำให้มันมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการทำให้มันเคลื่อนที่ได้ช้าลง การเพิ่มอำนาจการยิงด้วยการติดตั้งปืนขนาดใหญ่ขึ้นเข้าไปจะทำให้ผู้ออกแบบต้องรถความเร็วหรือเกราะเพื่อรองรับน้ำหนักของปืน แม้กระทั่งรถถังอย่างเอ1 เอบรามส์ซึ่งมีอำนาจการยิง ความเร็ว และเกราะที่ยอดเยี่ยม แต่ความได้เปรียบเหล่านี้ก็อยู่บนความสมดุลของเครื่องยนต์ ซึ่งลดพิสัยและความคล่องตัวลง |
การออกแบบรถถังนั้นเป็นสิ่งที่เป็นชั้นยอด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มอำนาจการยิง การป้องกัน และความคล่องตัวให้สูงสุดในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การเพิ่มการป้องกันด้วยการเพิ่มเกราะเข้าไปจะทำให้มันมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการทำให้มันเคลื่อนที่ได้ช้าลง การเพิ่มอำนาจการยิงด้วยการติดตั้งปืนขนาดใหญ่ขึ้นเข้าไปจะทำให้ผู้ออกแบบต้องรถความเร็วหรือเกราะเพื่อรองรับน้ำหนักของปืน แม้กระทั่งรถถังอย่างเอ1 เอบรามส์ซึ่งมีอำนาจการยิง ความเร็ว และเกราะที่ยอดเยี่ยม แต่ความได้เปรียบเหล่านี้ก็อยู่บนความสมดุลของเครื่องยนต์ ซึ่งลดพิสัยและความคล่องตัวลง |
||
เพราะการพัฒนารถถังในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้บทเรียนจากการเปลี่ยนแปลงทางกลไกขนาดใหญ่เพื่อทำให้การออกแบบเน้นไปที่ความได้เปรียบของเทคโนโลยีในระบบรองของรถถังเพื่อทำให้มีทำงานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการออกแบบมากมายในช่วงนี้อย่าง [[ที-1]] ของโซเวียต [[เอส-แท็งค์]]ของสวีเดน [[เมอร์เควา]]ของอิสราเอล ได้ผสมผสานหลายอย่างเข้าด้วยกันและการเข้ามาของระบบเติมกระสุนอัตโนมัติที่ทำให้ลดจำนวนลูกเรือลง |
เพราะการพัฒนารถถังในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้บทเรียนจากการเปลี่ยนแปลงทางกลไกขนาดใหญ่เพื่อทำให้การออกแบบเน้นไปที่ความได้เปรียบของเทคโนโลยีในระบบรองของรถถังเพื่อทำให้มีทำงานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการออกแบบมากมายในช่วงนี้อย่าง [[ที-1]] ของโซเวียต [[เอส-แท็งค์]]ของสวีเดน [[เมอร์เควา]]ของอิสราเอล ได้ผสมผสานหลายอย่างเข้าด้วยกันและการเข้ามาของระบบเติมกระสุนอัตโนมัติที่ทำให้ลดจำนวนลูกเรือลง |
||
=== การคิดค้นรถถัง === |
|||
รถถังเริ่มถูกคิดค้นโดยอังกฤษ และปรากฏตัวครั้งแรก ในสนามรบเมื่อ กันยายน 1916 เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งทางตะวันตก ทั้งสองครั้ง ยังใช้การรบในแบบหลบในสนามเพลาะ ปืนกล และ การกั้นรั่วลวดหนาม ใช้ในการทำแนวป้องกัน ดังนั้นสถานการณ์การรบจึงหยุดนิ่ง |
|||
ทางอังกฤษต้องการอาวุธใหม่ ในการทำลายแนวลวดหนาม ข้ามผ่าสนามเพลาะ และป้องกันปืนกลได้ดี อาวุธใหม่นี้ส่งผลให้เกิดรถถังขึ้นมา เมื่อทางอังกฤษพัฒนารถถังได้ พวกเข้าบอกว่ามันเป็นอุปกรณ์สำหรับขนย้ายน้ำในการปกปิดความจริง เนื่องจากรูปร่างเป็นทรงเพชร อังกฤษจะขนานนามมันว่า 'รถถัง' และใช้ชื่อนี้มาจนทุกวันนี้ |
|||
=== อำนาจการยิง === |
=== อำนาจการยิง === |
||
{{main|ปืนใหญ่รถถัง}} |
{{main|ปืนใหญ่รถถัง}} |
||
[[ไฟล์:105mm tank gun Rifling.jpg|thumb|right|ปืนใหญ่รถถังโรยัลออร์ดแนนซ์ แอล7 ขนาด 105 พร้อมด้านในที่ทำเป็นเกลียว]] |
[[ไฟล์:105mm tank gun Rifling.jpg|thumb|right|ปืนใหญ่รถถังโรยัลออร์ดแนนซ์ แอล7 ขนาด 105 พร้อมด้านในที่ทำเป็นเกลียว]] |
||
อาวุธหลักของรถถังยุคใหญ่คือปืนขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนป้อมปืนที่สามารถหมุนได้รอบทิศทาง ปืนใหญ่โดยทั่วไปจะเป็นอาวุธที่สามารถยิง[[กระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์]]ที่เรียกว่ากระสุนแซ็บบ็อต (''Sabot'') [[ระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง]] ระเบิดแรงสูงหัวบด และ[[ขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถัง]]เพื่อทำลายยานเกราะของศัตรู เช่นเดียวกับกระสุนระเบิดแรงสูงที่ใช้สำหรับทำลายเป้าหมายทั่วไปที่ไม่ได้หุ้มเกราะ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้กระสุนที่ไร้สะเก็ดได้เมื่อต้องทำการต่อสู้ในเขตเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้สะเก็ดของระเบิดแรงสูงทำร้ายฝ่ายเดียวกัน<ref name = "USAToday2005b">[[#USAToday2005b|USA Today (2005)]], ''Tanks adapted for urban fights they once avoided''</ref> |
อาวุธหลักของรถถังยุคใหญ่คือปืนขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนป้อมปืนที่สามารถหมุนได้รอบทิศทาง ปืนใหญ่โดยทั่วไปจะเป็นอาวุธที่สามารถยิง[[กระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์]]ที่เรียกว่ากระสุนแซ็บบ็อต (''Sabot'') [[ระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง]] ระเบิดแรงสูงหัวบด และ[[ขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถัง]]เพื่อทำลายยานเกราะของศัตรู เช่นเดียวกับกระสุนระเบิดแรงสูงที่ใช้สำหรับทำลายเป้าหมายทั่วไปที่ไม่ได้หุ้มเกราะ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้กระสุนที่ไร้สะเก็ดได้เมื่อต้องทำการต่อสู้ในเขตเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้สะเก็ดของระเบิดแรงสูงทำร้ายฝ่ายเดียวกัน<ref name = "USAToday2005b">[[#USAToday2005b|USA Today (2005)]], ''Tanks adapted for urban fights they once avoided''</ref> |
||
[[ไจโรสโคป]]ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความเสถียรให้กับปืนใหญ่ ทำให้มันเล็งได้อย่างแม่นยำและยิงได้ในขณะเคลื่อนที่ ปืนรถถังยุคใหม่ยังมีตัวลดความร้อนเพื่อลดการกระจายความร้อนที่เกิดจากการยิง มันจะช่วยลดควันที่เข้าไปในรถถังและบางครั้งก็ลดแรงถีบซึ่งจะเพิ่มความแม่นยำและอัตราการยิงให้มากขึ้น |
[[ไจโรสโคป]]ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความเสถียรให้กับปืนใหญ่ ทำให้มันเล็งได้อย่างแม่นยำและยิงได้ในขณะเคลื่อนที่ ปืนรถถังยุคใหม่ยังมีตัวลดความร้อนเพื่อลดการกระจายความร้อนที่เกิดจากการยิง มันจะช่วยลดควันที่เข้าไปในรถถังและบางครั้งก็ลดแรงถีบซึ่งจะเพิ่มความแม่นยำและอัตราการยิงให้มากขึ้น |
||
โดยทั่วไปแล้วการตรวจจับเป้าหมายจะใช้สายตามองเอาผ่านทาง[[กล้องโทรทรรศน์]] อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่ผู้บัญชาการรถถังจะเปิดฝาครอบด้านบนออกเพื่อมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความระมัดระวังต่อสถานการณ์แต่ก็ทำให้เขาตกเป็นเป้าของพลซุ่มยิงได้ โดยเฉพาะเมื่อยู่ในป่าหรือเมือง แม้ว่าการพัฒนามากมายในการตรวจหาเป้าหมายจะเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ข้อปฏิบัติดังกล่าวก็ยังถูกใช้กันอยู่ |
โดยทั่วไปแล้วการตรวจจับเป้าหมายจะใช้สายตามองเอาผ่านทาง[[กล้องโทรทรรศน์]] อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่ผู้บัญชาการรถถังจะเปิดฝาครอบด้านบนออกเพื่อมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความระมัดระวังต่อสถานการณ์แต่ก็ทำให้เขาตกเป็นเป้าของพลซุ่มยิงได้ โดยเฉพาะเมื่อยู่ในป่าหรือเมือง แม้ว่าการพัฒนามากมายในการตรวจหาเป้าหมายจะเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ข้อปฏิบัติดังกล่าวก็ยังถูกใช้กันอยู่ |
||
ในบางกรณีปืนกลเคียงที่อยู่ข้างปืนใหญ่ก็ถูกใช้เพื่อหาวิถีโค้งและระยะของเป้าหมาย ปืนกลนี้จะถูกติดตั้งบนแกนเดียวกับปืนใหญ่รถถัง และยิงกระสุนไปที่เป้าหมายเดียวกัน พลปืนจะติดตามการเคลื่อนไหวของกระสุนติดตามเมื่อมันพุ่งชนเป้าหมาย และเมื่อมันชนเป้าหมาย มันก็จะปล่อยแสงออกมาพร้อมกับควันหลังจากที่ปืนใหญ่ยิงออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็มักถูกแทนที่ด้วยเลเซอร์หาระยะแทน |
ในบางกรณีปืนกลเคียงที่อยู่ข้างปืนใหญ่ก็ถูกใช้เพื่อหาวิถีโค้งและระยะของเป้าหมาย ปืนกลนี้จะถูกติดตั้งบนแกนเดียวกับปืนใหญ่รถถัง และยิงกระสุนไปที่เป้าหมายเดียวกัน พลปืนจะติดตามการเคลื่อนไหวของกระสุนติดตามเมื่อมันพุ่งชนเป้าหมาย และเมื่อมันชนเป้าหมาย มันก็จะปล่อยแสงออกมาพร้อมกับควันหลังจากที่ปืนใหญ่ยิงออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็มักถูกแทนที่ด้วยเลเซอร์หาระยะแทน |
||
รถถังยุคใหม่ยังมีกล้องมองกลางคืนและกล้องจับถวามร้อนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานในตอนกลางคืน ในสภาพอากาศที่เลวร้าย และในกลุ่มควัน ความแม่นยำของรถถังยุคใหม่ได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดโดยระบบควบคุมการยิง ระบบนี้ใช้เลเซอร์หาระยะเพื่อระบุความห่างจากเป้าหมาย มันยังมีตัววัดแรงลมและตัวควบคุมความร้อนที่ปากกระบอก การที่เลเซอร์หาระยะสามารถมองหาเป้าหมายสองเป้าได้พร้อมกับทำให้มันสามารถคำนวณการเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมเข้ากับการเคลื่อนไหวของรถถังและการเคลื่อนที่ของวัตถุในอากาศเพื่อคำนวณการไต่ระดับและจุดเล็งที่มันจะเข้าชนเป้าหมาย |
รถถังยุคใหม่ยังมีกล้องมองกลางคืนและกล้องจับถวามร้อนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานในตอนกลางคืน ในสภาพอากาศที่เลวร้าย และในกลุ่มควัน ความแม่นยำของรถถังยุคใหม่ได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดโดยระบบควบคุมการยิง ระบบนี้ใช้เลเซอร์หาระยะเพื่อระบุความห่างจากเป้าหมาย มันยังมีตัววัดแรงลมและตัวควบคุมความร้อนที่ปากกระบอก การที่เลเซอร์หาระยะสามารถมองหาเป้าหมายสองเป้าได้พร้อมกับทำให้มันสามารถคำนวณการเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมเข้ากับการเคลื่อนไหวของรถถังและการเคลื่อนที่ของวัตถุในอากาศเพื่อคำนวณการไต่ระดับและจุดเล็งที่มันจะเข้าชนเป้าหมาย |
||
โดยปกติแล้วรถถังจะมีปืนขนาดเล็กกว่าเพื่อป้องกันตัวในระยะใกล้ซึ่งการยิงด้วยปืนใหญ่นั้นจะไร้ประสิทธิภาพ อย่างการจัดการกับ[[ทหารราบ]] ยานพาหนะขนาดเบา หรือเครื่องบิน อาวุธรองมักจะเป็นปืนกลเอนกประสงค์ที่อยู่ข้างปืนใหญ่และปืนกลต่อต้านอากาศยานที่อยู่ด้านบนสุดของป้อมปืน อาวุธเหล่านี้มักถูกดัดแปลงเพื่อใช้โดยทหารราบ และใช้กระสุนที่ |
โดยปกติแล้วรถถังจะมีปืนขนาดเล็กกว่าเพื่อป้องกันตัวในระยะใกล้ซึ่งการยิงด้วยปืนใหญ่นั้นจะไร้ประสิทธิภาพ อย่างการจัดการกับ[[ทหารราบ]] ยานพาหนะขนาดเบา หรือเครื่องบิน อาวุธรองมักจะเป็นปืนกลเอนกประสงค์ที่อยู่ข้างปืนใหญ่และปืนกลต่อต้านอากาศยานที่อยู่ด้านบนสุดของป้อมปืน อาวุธเหล่านี้มักถูกดัดแปลงเพื่อใช้โดยทหารราบ และใช้กระสุนที่เหมือน ๆ กัน |
||
=== การป้องกัน === |
=== การป้องกัน === |
||
[[ไฟล์:Challenger II.jpg|thumb|right|รถถัง[[ |
[[ไฟล์:Challenger II.jpg|thumb|right|รถถัง[[ชาลเลนเจอร์ 2]] ของอังกฤษที่มีเกราะดอร์เชสเตอร์อันเป็นแบบที่สองของ[[เกราะช็อบแฮม]]]] |
||
{{ดูเพิ่ม|สงครามต่อต้านรถถัง}} |
{{ดูเพิ่ม|สงครามต่อต้านรถถัง}} |
||
สิ่งที่จะวัดการป้องกันของรถถังคือการผสมผสานความสามารถของมันเข้ากับการหลบหลีก เพื่อหลบหลีกการยิงของศัตรู การต้านทานการยิงของศัตรู และความสามารถในการรับมือกับความเสียหายโดยที่ยังสามารถทำภารกิจต่อไปได้ หรืออย่างน้อยก็ช่วยชีวิตของลูกเรือเอาไว้ ส่วนมากแล้วรถถังมักเจออุปสรรคอย่างป้าหรือเมืองซึ่งลดความได้เปรียบเรื่องระยะยิงและการเคลื่อนที่ของมัน เป็นการจำกัดความสามารถในการตรวจหาเป้าหมายของลูกเรือและอาจทำให้ป้อมปืนไม่สามารถทำการหมุนได้ แม้ว่าจะมีข้อด้อยเหล่านั้นรถถังก็ยังคงมีความอยู่รอดสูงเมื่อต้องเจอกับ[[อาร์พีจี (อาวุธ)|อาร์พีจี]]ในทุกสภาพแวดล้อมเพราะเกราะที่ยอดเยี่ยมของมัน |
สิ่งที่จะวัดการป้องกันของรถถังคือการผสมผสานความสามารถของมันเข้ากับการหลบหลีก เพื่อหลบหลีกการยิงของศัตรู การต้านทานการยิงของศัตรู และความสามารถในการรับมือกับความเสียหายโดยที่ยังสามารถทำภารกิจต่อไปได้ หรืออย่างน้อยก็ช่วยชีวิตของลูกเรือเอาไว้ ส่วนมากแล้วรถถังมักเจออุปสรรคอย่างป้าหรือเมืองซึ่งลดความได้เปรียบเรื่องระยะยิงและการเคลื่อนที่ของมัน เป็นการจำกัดความสามารถในการตรวจหาเป้าหมายของลูกเรือและอาจทำให้ป้อมปืนไม่สามารถทำการหมุนได้ แม้ว่าจะมีข้อด้อยเหล่านั้นรถถังก็ยังคงมีความอยู่รอดสูงเมื่อต้องเจอกับ[[อาร์พีจี (อาวุธ)|อาร์พีจี]]ในทุกสภาพแวดล้อมเพราะเกราะที่ยอดเยี่ยมของมัน |
||
รถถังประจัญบานหลักแทบทุกคันจะติดตั้ง[[เกราะช็อบแฮม]]ที่ออกแบบโดยอังกฤษ ตัวอย่างเช่น รถถัง[[เอ็ม1 เอบรามส์]]ของสหรัฐและรถถัง[[ลีโอพาร์ด 2]] ของเยอรมนี มันเป็นแผ่นเกราะที่ก้าวหน้าที่สุดที่รถถังจะใช้ได้ (ยกเว้น[[ชาเลนเจอร์ 2]] ของอังกฤษ) และได้ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าให้การป้องกันจากเครื่องยิงจรวดและระเบิดแรงสูงได้ดี |
รถถังประจัญบานหลักแทบทุกคันจะติดตั้ง[[เกราะช็อบแฮม]]ที่ออกแบบโดยอังกฤษ ตัวอย่างเช่น รถถัง[[เอ็ม1 เอบรามส์]]ของสหรัฐและรถถัง[[ลีโอพาร์ด 2]] ของเยอรมนี มันเป็นแผ่นเกราะที่ก้าวหน้าที่สุดที่รถถังจะใช้ได้ (ยกเว้น[[ชาเลนเจอร์ 2]] ของอังกฤษ) และได้ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าให้การป้องกันจากเครื่องยิงจรวดและระเบิดแรงสูงได้ดี |
||
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเป็นเกราะที่มีประสิทธิภาพและก้าวหน้า ความอยู่รอดของรถถังเมื่อต่อเจอกับขีปนาวุธต่อต้านรถถังแบบใหม่ก็ยังคงเป็นที่กังวลของเหล่ากองทัพในปัจจุบัน<ref>[[#BBCNews2006|BBC News (2006)]] ''Tough lessons for Israeli armour''</ref> |
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเป็นเกราะที่มีประสิทธิภาพและก้าวหน้า ความอยู่รอดของรถถังเมื่อต่อเจอกับขีปนาวุธต่อต้านรถถังแบบใหม่ก็ยังคงเป็นที่กังวลของเหล่ากองทัพในปัจจุบัน<ref>[[#BBCNews2006|BBC News (2006)]] ''Tough lessons for Israeli armour''</ref> |
||
บรรทัด 61: | บรรทัด 76: | ||
รถถังทำการหลบหลีกด้วยการใช้การพรางตัว (ทำให้ดูเหมือนสิ่งรอบตัว) การปกปิด (ทำให้ไม่ถูกมองเห็น) และการหลอกล่อ (ทำให้เหมือนสิ่งอื่นแทน) |
รถถังทำการหลบหลีกด้วยการใช้การพรางตัว (ทำให้ดูเหมือนสิ่งรอบตัว) การปกปิด (ทำให้ไม่ถูกมองเห็น) และการหลอกล่อ (ทำให้เหมือนสิ่งอื่นแทน) |
||
มันเป็นเรื่องยากที่รถถังจะหลบหลีกอะไรได้ด้วยความจริงที่ว่ารถถังเป็นเหล็กชิ้นโตที่มีสะดุดตา ย้อนแสงได้ง่าย ปล่อยความร้อน และเสียงดัง ผลที่ตามมาคือมันเป็นการยากที่จะอำพรางลำตัวส่วนล่างของรถถังให้ได้ประสิทธิภาพ รถถังจะถูกพบเห็นได้ง่ายมากเมื่อมันเคลื่อนที่เพราะขนาดที่ใหญ่ เสียงดังที่เป็นเอกลักษณ์ แรงสั่นสะเทือน และความร้อนจากเครื่องยนต์ สายพานหรือตีนตะขาบและกลุ่มฝุ่นเองก็เป็นภัยต่อรถถังเพราะมันจะถูกตามรอยได้ รถถังที่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ก็ตกเป็นเป้าของการตรวจจับโดย[[อินฟราเรด]]ได้เพราะความแตกต่างระหว่างคุณสมบัตินำความร้อนและความร้อนจากเหล็กของรถถังและสิ่งที่อยู่รอบๆ มัน ในระยะใกล้รถถังเองก็สามารถถูกตรวจจับได้แม้ว่ามันจะเบาเครื่องยนต์และปกปิดอย่างดีเพราะว่ากลุ่มอากาศร้อนเหนือรถถังและกลิ่นของน้ำมันดีเซลจากเครื่องยนต์ |
มันเป็นเรื่องยากที่รถถังจะหลบหลีกอะไรได้ด้วยความจริงที่ว่ารถถังเป็นเหล็กชิ้นโตที่มีสะดุดตา ย้อนแสงได้ง่าย ปล่อยความร้อน และเสียงดัง ผลที่ตามมาคือมันเป็นการยากที่จะอำพรางลำตัวส่วนล่างของรถถังให้ได้ประสิทธิภาพ รถถังจะถูกพบเห็นได้ง่ายมากเมื่อมันเคลื่อนที่เพราะขนาดที่ใหญ่ เสียงดังที่เป็นเอกลักษณ์ แรงสั่นสะเทือน และความร้อนจากเครื่องยนต์ สายพานหรือตีนตะขาบและกลุ่มฝุ่นเองก็เป็นภัยต่อรถถังเพราะมันจะถูกตามรอยได้ รถถังที่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ก็ตกเป็นเป้าของการตรวจจับโดย[[อินฟราเรด]]ได้เพราะความแตกต่างระหว่างคุณสมบัตินำความร้อนและความร้อนจากเหล็กของรถถังและสิ่งที่อยู่รอบๆ มัน ในระยะใกล้รถถังเองก็สามารถถูกตรวจจับได้แม้ว่ามันจะเบาเครื่องยนต์และปกปิดอย่างดีเพราะว่ากลุ่มอากาศร้อนเหนือรถถังและกลิ่นของน้ำมันดีเซลจากเครื่องยนต์ |
||
ผ้าห่มความร้อนจะลดอัตราการกระจายของความร้อนและตาข่ายพรางตัวจะใช้การผสมวัสดุต่างๆ ที่ให้ความร้อนแตกต่างกันเพื่อหลอกอินฟราเรด การอำพรางจะทำเพื่อขจัดเอกลักษณ์และการย้อนแสงของรถถัง การปรับตำแหน่งของป้อมปืนหรือตัวรถจะลดการย้อนแสงของรถถังและเป็นการเพิ่มการป้องกันไปในตัว |
ผ้าห่มความร้อนจะลดอัตราการกระจายของความร้อนและตาข่ายพรางตัวจะใช้การผสมวัสดุต่างๆ ที่ให้ความร้อนแตกต่างกันเพื่อหลอกอินฟราเรด การอำพรางจะทำเพื่อขจัดเอกลักษณ์และการย้อนแสงของรถถัง การปรับตำแหน่งของป้อมปืนหรือตัวรถจะลดการย้อนแสงของรถถังและเป็นการเพิ่มการป้องกันไปในตัว |
||
=== เกราะ === |
|||
[[ไฟล์:M4 burning leipzig crop.jpg|thumb|รถถัง[[เอ็ม4 เชอร์แมน]]ของกองทัพสหรัฐที่ถูกเผาบนถนนในเยอรมนีเมื่อปีพ.ศ. 2488]] |
[[ไฟล์:M4 burning leipzig crop.jpg|thumb|รถถัง[[เอ็ม4 เชอร์แมน]]ของกองทัพสหรัฐที่ถูกเผาบนถนนในเยอรมนีเมื่อปีพ.ศ. 2488]] |
||
{{Main|เกราะยานพาหนะ}} |
{{Main|เกราะยานพาหนะ}} |
||
เพื่อให้การป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพต่อรถถังและลูกเรือ เกราะรถถังต้องรับมือกับอาวุธได้แทบทุกชนิด การป้องกัน[[กระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์]]และ[[ระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง]]เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่เกราะของรถถังยังสามารถป้องกัน[[ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง]]จากทหารราบ [[กับระเบิด]] [[ระเบิด]] [[ปืนใหญ่]] และภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธ |
เพื่อให้การป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพต่อรถถังและลูกเรือ เกราะรถถังต้องรับมือกับอาวุธได้แทบทุกชนิด การป้องกัน[[กระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์]]และ[[ระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง]]เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่เกราะของรถถังยังสามารถป้องกัน[[ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง]]จากทหารราบ [[กับระเบิด]] [[ระเบิด]] [[ปืนใหญ่]] และภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ และอาวุธเคมี |
||
แผ่นเกราะเหล็กนั้นเป็นเกราะแบบแรกสุดของรถถัง เยอรมนีนั้นใช้เกราะเหล็กผิวแข็งในสงครามโลกครั้งที่ 2 และโซเวียตก็ใช้เกราะลาดเอียง การพัฒนาในสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังทำให้หมดยุคของเกราะเหล็กด้วยการมาของกระสุนหัวรบอย่างแพนเซอร์ฟอสท์และ[[บาซูก้า]]ซึ่งให้การทำลายที่ร้ายกาจ กับระเบิดแม่เหล็กได้นำไปสู่การพัฒนาของสีและผิวต้านทานแรงแม่เหล็ก |
แผ่นเกราะเหล็กนั้นเป็นเกราะแบบแรกสุดของรถถัง เยอรมนีนั้นใช้เกราะเหล็กผิวแข็งในสงครามโลกครั้งที่ 2 และโซเวียตก็ใช้เกราะลาดเอียง การพัฒนาในสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังทำให้หมดยุคของเกราะเหล็กด้วยการมาของกระสุนหัวรบอย่างแพนเซอร์ฟอสท์และ[[บาซูก้า]]ซึ่งให้การทำลายที่ร้ายกาจ กับระเบิดแม่เหล็กได้นำไปสู่การพัฒนาของสีและผิวต้านทานแรงแม่เหล็ก |
||
นักวิจัยรถถังของอังกฤษได้ก้าวหน้าไปด้วยการพัฒนา[[เกราะช็อบแฮม]]หรือรู้จักกันทั่วไปว่า[[เกราะผสม]] มันเป็นการผสมผสานของ[[เซรามิก]]และ[[พลาสติก]]โดยมี[[เรซิน]]อยู่ระหว่างแผ่นเหล็ก ซึ่งให้การป้องกันที่ดีจาก[[ระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง]] กระสุนหัวบดทำให้เกิดเกราะต้านสะเก็ดระเบิด และ[[กระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์]]ก็ทำให้เกิดวัสดุผสมที่แปลกใหม่อย่างกากยูเรเนียมที่ใส่เข้าไปในเกราะผสม [[เกราะปฏิกิริยา]]ประกอบด้วยกล่องขนาดเล็กที่มีวัตถุระเบิดบรรจุอยู่ภายในซึ่งจะจุดชนวนเมื่อถูกยิงโดยกระสุนจรวดที่ยิงออกมาจากระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง ทำให้แผ่นเหล็กของมันเข้าทำลายกระสุน หัวรบซ้อนได้เอาชนะเกราะปฏิกิริยาด้วยการทำให้เกราะจุดชนวนก่อนเวลาอันควร [[เครื่องยิงลูกระเบิด]]ซึ่งสามารถสร้างม่านควันและระบบตอบโต้ยังสร้างการป้องกันเสริมให้กับรถถัง |
นักวิจัยรถถังของอังกฤษได้ก้าวหน้าไปด้วยการพัฒนา[[เกราะช็อบแฮม]]หรือรู้จักกันทั่วไปว่า[[เกราะผสม]] มันเป็นการผสมผสานของ[[เซรามิก]]และ[[พลาสติก]]โดยมี[[เรซิน]]อยู่ระหว่างแผ่นเหล็ก ซึ่งให้การป้องกันที่ดีจาก[[ระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง]] กระสุนหัวบดทำให้เกิดเกราะต้านสะเก็ดระเบิด และ[[กระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์]]ก็ทำให้เกิดวัสดุผสมที่แปลกใหม่อย่างกากยูเรเนียมที่ใส่เข้าไปในเกราะผสม [[เกราะปฏิกิริยา]]ประกอบด้วยกล่องขนาดเล็กที่มีวัตถุระเบิดบรรจุอยู่ภายในซึ่งจะจุดชนวนเมื่อถูกยิงโดยกระสุนจรวดที่ยิงออกมาจากระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง ทำให้แผ่นเหล็กของมันเข้าทำลายกระสุน หัวรบซ้อนได้เอาชนะเกราะปฏิกิริยาด้วยการทำให้เกราะจุดชนวนก่อนเวลาอันควร [[เครื่องยิงลูกระเบิด]]ซึ่งสามารถสร้างม่านควันและระบบตอบโต้ยังสร้างการป้องกันเสริมให้กับรถถัง |
||
=== ความคล่องตัว === |
=== ความคล่องตัว === |
||
ความคล่องตัวของรถถังนั้นขึ้นอยู่กับสมรภูมิหรือการเคลื่อนที่ทางยุทธวิธี ความคล่องตัวในการปฏิบัติการ และความคล่องตัวในด้านยุทธศาสตร์ ความคล่องตัวด้านยุทธวิธีอย่างแรกคือความรวดเร็ว อัตราการเร่งของรถถัง เบรก ความเร็ว และอัตราการในการปรับตัวตามภูมิประเทศ และอย่างที่สองคือการฝ่าเครื่องกีดขวาง ความคล่องตัวในการปฏิบัติการเป็นการทำงานของพิสัยการเคลื่อนที่ แต่ก็ยังเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนัก และการจำกัดการเคลื่อนที่ ตัวอย่างเช่น ที-80 ที่รวมตัวกันเป็นขบวนจะมีความสามารถในการรุกมากกว่าเอ็ม-1 เอบรามส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพราะว่าถนนและสะพานเข้ามาเป็นตัวจำกัด ความคล่องตัวในทางยุทธศาสตร์เกี่ยวข้องกันกองทัพฝ่ายใดจะเคลื่อนย้ายไปตามส่วนต่างๆ รวดเร็วกว่ากัน ตัวอย่างเช่น รถถังที่มีขนาดเล็กกว่าสามารถเดินทางผ่านอุโมงค์รถไฟ ทำให้มันมีความคล่องตัวทางด้านยุทธศาสตร์มากกว่าคันที่ใหญ่กว่า |
ความคล่องตัวของรถถังนั้นขึ้นอยู่กับสมรภูมิหรือการเคลื่อนที่ทางยุทธวิธี ความคล่องตัวในการปฏิบัติการ และความคล่องตัวในด้านยุทธศาสตร์ ความคล่องตัวด้านยุทธวิธีอย่างแรกคือความรวดเร็ว อัตราการเร่งของรถถัง เบรก ความเร็ว และอัตราการในการปรับตัวตามภูมิประเทศ และอย่างที่สองคือการฝ่าเครื่องกีดขวาง ความคล่องตัวในการปฏิบัติการเป็นการทำงานของพิสัยการเคลื่อนที่ แต่ก็ยังเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนัก และการจำกัดการเคลื่อนที่ ตัวอย่างเช่น ที-80 ที่รวมตัวกันเป็นขบวนจะมีความสามารถในการรุกมากกว่าเอ็ม-1 เอบรามส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพราะว่าถนนและสะพานเข้ามาเป็นตัวจำกัด ความคล่องตัวในทางยุทธศาสตร์เกี่ยวข้องกันกองทัพฝ่ายใดจะเคลื่อนย้ายไปตามส่วนต่างๆ รวดเร็วกว่ากัน ตัวอย่างเช่น รถถังที่มีขนาดเล็กกว่าสามารถเดินทางผ่านอุโมงค์รถไฟ ทำให้มันมีความคล่องตัวทางด้านยุทธศาสตร์มากกว่าคันที่ใหญ่กว่า |
||
ความคล่องตัวของรถถังนั้นขึ้นอยู่กับน้ำหนักของรถถังเพราะว่าความเฉื่อยของมันในขณะเคลื่อนที่และแรงที่มันกระทำต่อพื้นดิน พลังที่ส่งออกมาจากเครื่องยนต์และการส่งสัญญาณและการออกแบบตีนตะขาบ นอกจากนี้แล้วสภาพพื้นที่ขรุขระยังเป็นอุปสรรคต่อความเร็วของรถถัง การฝ่าพื้นที่เหล่านี้ประสบความสำเร็จในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อระบบดูดซับแรงการกระเทือนถูกพัฒนาขึ้น ทำให้มันสามารถเดินทางข้ามประเทศและยิงขณะเคลื่อนที่ได้ดียิ่งขึ้น ระบบอย่างระบบคริสตี้ในรุ่นแรกหรือทอร์ชั่น-บาร์ในรุ่นต่อมาถูกพัฒนาขึ้นโดย[[เฟอร์ดินานด์ พอร์เช]]เป็นระบบที่ช่วยให้การเดินทางข้ามประเทศเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น<ref>Deighton (1979), ''Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk'', pp. 154</ref> |
ความคล่องตัวของรถถังนั้นขึ้นอยู่กับน้ำหนักของรถถังเพราะว่าความเฉื่อยของมันในขณะเคลื่อนที่และแรงที่มันกระทำต่อพื้นดิน พลังที่ส่งออกมาจากเครื่องยนต์และการส่งสัญญาณและการออกแบบตีนตะขาบ นอกจากนี้แล้วสภาพพื้นที่ขรุขระยังเป็นอุปสรรคต่อความเร็วของรถถัง การฝ่าพื้นที่เหล่านี้ประสบความสำเร็จในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อระบบดูดซับแรงการกระเทือนถูกพัฒนาขึ้น ทำให้มันสามารถเดินทางข้ามประเทศและยิงขณะเคลื่อนที่ได้ดียิ่งขึ้น ระบบอย่างระบบคริสตี้ในรุ่นแรกหรือทอร์ชั่น-บาร์ในรุ่นต่อมาถูกพัฒนาขึ้นโดย[[เฟอร์ดินานด์ พอร์เช]]เป็นระบบที่ช่วยให้การเดินทางข้ามประเทศเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น<ref>Deighton (1979), ''Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk'', pp. 154</ref> |
||
บรรทัด 82: | บรรทัด 97: | ||
รถถังประจัญบานหลักนั้นเคลื่อนที่รวดเร็วและสามารถเดินทางข้ามพื้นที่ได้แทบทุกรูปแบบเพราะตีนตะขาบต่อเนื่องและการลดแรงกระเทือนที่ก้าวหน้า ตีนตะขาบจะกระจายน้ำหนักของรถถังไปทั่วพื้นที่ ทำให้มันมีแรงกดพอๆ กับคนเดิน<ref>[[#Thompson2000|Thompson and Sorvig (2000)]], ''Sustainable Landscape Construction: A Guide to Green Building Outdoors'', p.51</ref> รถถังสามารถเดินทางได้ประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนพื้นที่ราบและ 070 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนถนน แต่เนื่องมาจากความตึงด้านกลไลของพาหนะและการผลาญเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษารถถัง ความเร็วดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองที่จะก่อให้เกิดปัญหาด้านกลไกของเครื่องยนต์และระบบส่งสัญญาณ ผลที่ตามมาคือรถเคลื่อนย้ายรถถังและทางรถไฟเพื่อทำการขนย้ายรถถังในระยะทางที่ไกล การจำกัดการเคลื่อนที่ระยะไกลของรถถังจะเห็นความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับ[[ยานพาหนะต่อสู้หุ้มเกราะ]] การปฏิบัติการส่วนใหญ่ของ[[การโจมตีสายฟ้าแลบ]]เป็นอัตราการเคลื่อนที่ให้ได้ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกิดขึ้นแค่เพียงบนถนนในฝรั่งเศส<ref>Deighton (1979), ''Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk'', p.180</ref> |
รถถังประจัญบานหลักนั้นเคลื่อนที่รวดเร็วและสามารถเดินทางข้ามพื้นที่ได้แทบทุกรูปแบบเพราะตีนตะขาบต่อเนื่องและการลดแรงกระเทือนที่ก้าวหน้า ตีนตะขาบจะกระจายน้ำหนักของรถถังไปทั่วพื้นที่ ทำให้มันมีแรงกดพอๆ กับคนเดิน<ref>[[#Thompson2000|Thompson and Sorvig (2000)]], ''Sustainable Landscape Construction: A Guide to Green Building Outdoors'', p.51</ref> รถถังสามารถเดินทางได้ประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนพื้นที่ราบและ 070 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนถนน แต่เนื่องมาจากความตึงด้านกลไลของพาหนะและการผลาญเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษารถถัง ความเร็วดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองที่จะก่อให้เกิดปัญหาด้านกลไกของเครื่องยนต์และระบบส่งสัญญาณ ผลที่ตามมาคือรถเคลื่อนย้ายรถถังและทางรถไฟเพื่อทำการขนย้ายรถถังในระยะทางที่ไกล การจำกัดการเคลื่อนที่ระยะไกลของรถถังจะเห็นความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับ[[ยานพาหนะต่อสู้หุ้มเกราะ]] การปฏิบัติการส่วนใหญ่ของ[[การโจมตีสายฟ้าแลบ]]เป็นอัตราการเคลื่อนที่ให้ได้ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกิดขึ้นแค่เพียงบนถนนในฝรั่งเศส<ref>Deighton (1979), ''Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk'', p.180</ref> |
||
=== การปฏิบัติการในน้ำ === |
|||
เมื่อไม่มีมีทหารช่าง รถถังส่วนใหญ่นั้นจะเกิดปัญหาเมื่อต้องทำการข้ามแม่น้ำ รถถังประจัญบานหลักส่วนใหญ่จะข้ามน้ำที่ลึกไม่เกิน 1 เมตรเพราะว่าตำแหน่งของเครื่องยนต์และพลขับที่อยู่ต่ำ รถถัง[[ที-80]] ของโซเวียตและ[[ลีโอพาร์ด 1]] และ[[ลีโอพาร์ด 2]] ของเยอรมนีสามารถเดินทางในน้ำที่ลึกได้ถึง 3-4 เมตร เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ลูกเรือของรถถังมักจะมีความสามารถที่จำกัดเมื่อดำน้ำลึกขนาดนั้นแต่ด้วยการเพิ่มกล้องเข้าไปมันก็ทำให้เกิดหนทางใหม่ในการเข้าโจมตี |
เมื่อไม่มีมีทหารช่าง รถถังส่วนใหญ่นั้นจะเกิดปัญหาเมื่อต้องทำการข้ามแม่น้ำ รถถังประจัญบานหลักส่วนใหญ่จะข้ามน้ำที่ลึกไม่เกิน 1 เมตรเพราะว่าตำแหน่งของเครื่องยนต์และพลขับที่อยู่ต่ำ รถถัง[[ที-80]] ของโซเวียตและ[[ลีโอพาร์ด 1]] และ[[ลีโอพาร์ด 2]] ของเยอรมนีสามารถเดินทางในน้ำที่ลึกได้ถึง 3-4 เมตร เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ลูกเรือของรถถังมักจะมีความสามารถที่จำกัดเมื่อดำน้ำลึกขนาดนั้นแต่ด้วยการเพิ่มกล้องเข้าไปมันก็ทำให้เกิดหนทางใหม่ในการเข้าโจมตี |
||
[[ยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบก|รถถังสะเทินน้ำสะเทินบก]]เป็นการออกแบบพิเศษสำหรับการปฏิบัติการในน้ำโดยเฉพาะ แต่พวกมันมีจำนวนมากในกองทัพยุคใหม่ โดยเข้ามาแทนที่[[ยานพาหนะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก]]และ[[รถสายพานลำเลียงพล]]ใน[[สงครามสะเทินน้ำสะเทินบก|การจู่โจมแบบสะเทินน้ำสะเทินบก]] รถสะพานอีเอฟเอและ[[เอ็มที-55]] ได้ลดสิ่งกีดขวางของรถถังอย่างแม่น้ำออกลง<ref>Deighton (1979), ''Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk'', pp.234-252</ref> |
[[ยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบก|รถถังสะเทินน้ำสะเทินบก]]เป็นการออกแบบพิเศษสำหรับการปฏิบัติการในน้ำโดยเฉพาะ แต่พวกมันมีจำนวนมากในกองทัพยุคใหม่ โดยเข้ามาแทนที่[[ยานพาหนะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก]]และ[[รถสายพานลำเลียงพล]]ใน[[สงครามสะเทินน้ำสะเทินบก|การจู่โจมแบบสะเทินน้ำสะเทินบก]] รถสะพานอีเอฟเอและ[[เอ็มที-55]] ได้ลดสิ่งกีดขวางของรถถังอย่างแม่น้ำออกลง<ref>Deighton (1979), ''Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk'', pp.234-252</ref> |
||
=== ขุมกำลัง === |
|||
เครื่องยนต์ของรถถังจะคอยให้[[พลังงานจลน์]]เพื่อเคลื่อนที่ และพลังไฟฟ้าผ่านทางเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้กับป้อมปืนที่ต้องใช้มอเตอร์และระบบอิเลคทรอนิกอื่นๆ ของรถถัง ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ขุมกำลังของรถถังนั้นต้องพึ่งน้ำมันและเครื่องยนต์อัตโนมัติ จน[[เครื่องยนต์ดีเซล]]ได้พัฒนาไปอย่างมาก และมีเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ที่ทรงพลังแต่กินน้ำมันอย่างของ[[ที-80]] และ[[เอ็ม-1 เอบรามส์]] |
เครื่องยนต์ของรถถังจะคอยให้[[พลังงานจลน์]]เพื่อเคลื่อนที่ และพลังไฟฟ้าผ่านทางเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้กับป้อมปืนที่ต้องใช้มอเตอร์และระบบอิเลคทรอนิกอื่นๆ ของรถถัง ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ขุมกำลังของรถถังนั้นต้องพึ่งน้ำมันและเครื่องยนต์อัตโนมัติ จน[[เครื่องยนต์ดีเซล]]ได้พัฒนาไปอย่างมาก และมีเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ที่ทรงพลังแต่กินน้ำมันอย่างของ[[ที-80]] และ[[เอ็ม-1 เอบรามส์]] |
||
== ดูเพิ่ม == |
|||
* [[รถถังเบา]] |
|||
* [[รถถังขนาดกลาง]] |
|||
* [[รถถังหนัก]] |
|||
* [[รถถังหนักสุดยอด]] |
|||
* [[รถถังทหารราบ]] |
|||
* [[รถถังพิฆาต]] |
|||
* [[ปืนใหญ่จู่โจม]] |
|||
* [[รถถังหลัก]] |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
บรรทัด 94: | บรรทัด 119: | ||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
|||
{{คอมมอนส์|Tank}} |
|||
{{จบอ้างอิง}} |
{{จบอ้างอิง}} |
||
[[หมวดหมู่:ยุทโธปกรณ์]] |
[[หมวดหมู่:ยุทโธปกรณ์]] |
||
[[หมวดหมู่:รถถัง]] |
[[หมวดหมู่:รถถัง| ]] |
||
[[หมวดหมู่:ยานรบหุ้มเกราะสายพาน]] |
|||
[[หมวดหมู่:ยานรบหุ้มเกราะแบ่งตามชนิด]] |
|||
{{Link FA|ca}} |
|||
{{Link FA|eo}} |
|||
{{Link FA|es}} |
|||
{{Link FA|he}} |
|||
{{Link FA|hr}} |
|||
{{Link FA|hu}} |
|||
{{Link FA|id}} |
|||
{{Link FA|mk}} |
|||
{{Link FA|no}} |
|||
{{Link FA|ru}} |
|||
{{Link FA|vi}} |
|||
{{Link GA|de}} |
|||
{{Link GA|no}} |
|||
[[af:Tenk]] |
|||
[[an:Tanque]] |
|||
[[ang:Campƿæȝn]] |
|||
[[ar:دبابة]] |
|||
[[arz:دبابه]] |
|||
[[ast:Carru de combate]] |
|||
[[az:Tank]] |
|||
[[bat-smg:Tanks]] |
|||
[[be:Танк]] |
|||
[[be-x-old:Танк]] |
|||
[[bg:Танк]] |
|||
[[bo:ཁྲབ་ལྡན་འཁོར་ལོ།]] |
|||
[[br:Tank]] |
|||
[[bs:Tenk]] |
|||
[[ca:Tanc]] |
|||
[[cs:Tank]] |
|||
[[cv:Танк]] |
|||
[[cy:Tanc]] |
|||
[[da:Kampvogn]] |
|||
[[de:Panzer]] |
|||
[[el:Άρμα μάχης]] |
|||
[[en:Tank]] |
|||
[[eo:Tanko]] |
|||
[[es:Carro de combate]] |
|||
[[et:Tank]] |
|||
[[eu:Tanke]] |
|||
[[fa:تانک]] |
|||
[[fi:Panssarivaunu]] |
|||
[[fr:Char de combat]] |
|||
[[fy:Tank]] |
|||
[[ga:Tanc]] |
|||
[[gan:坦克車]] |
|||
[[gl:Carro de combate]] |
|||
[[he:טנק]] |
|||
[[hi:टैंक]] |
|||
[[hr:Tenk]] |
|||
[[hu:Harckocsi]] |
|||
[[hy:Տանկ]] |
|||
[[ia:Tank]] |
|||
[[id:Tank]] |
|||
[[ilo:Tángke]] |
|||
[[is:Skriðdreki]] |
|||
[[it:Carro armato]] |
|||
[[ja:戦車]] |
|||
[[jv:Tank]] |
|||
[[kk:Танк]] |
|||
[[ko:전차]] |
|||
[[la:Autocurrus armatus]] |
|||
[[lad:Tank de gerra]] |
|||
[[lb:Tanks]] |
|||
[[lt:Tankas]] |
|||
[[lv:Tanks]] |
|||
[[mhr:Танк]] |
|||
[[mk:Тенк]] |
|||
[[ml:യുദ്ധ ടാങ്ക്]] |
|||
[[mn:Танк]] |
|||
[[mr:रणगाडा]] |
|||
[[ms:Kereta kebal]] |
|||
[[my:တင့်ကားများ]] |
|||
[[nl:Tank (voertuig)]] |
|||
[[nn:Stridsvogn]] |
|||
[[no:Stridsvogn]] |
|||
[[nv:Chidí naaʼnaʼí beeʼeldǫǫh bikááʼ dah naaznilígíí]] |
|||
[[oc:Carri de combat]] |
|||
[[pl:Czołg]] |
|||
[[pms:Car armà]] |
|||
[[pnb:ٹینک]] |
|||
[[ps:شوبله]] |
|||
[[pt:Carro de combate]] |
|||
[[qu:Tanki]] |
|||
[[ro:Tanc]] |
|||
[[ru:Танк]] |
|||
[[rue:Танк]] |
|||
[[sah:Тааҥка]] |
|||
[[sco:Tank]] |
|||
[[sh:Tenk]] |
|||
[[simple:Tank]] |
|||
[[sk:Tank]] |
|||
[[sl:Tank]] |
|||
[[sq:Tanku]] |
|||
[[sr:Тенк]] |
|||
[[sv:Stridsvagn]] |
|||
[[sw:Kifaru (jeshi)]] |
|||
[[szl:Tank]] |
|||
[[ta:பீரங்கி வண்டி]] |
|||
[[tg:Тонк]] |
|||
[[tl:Tangke]] |
|||
[[tr:Tank]] |
|||
[[tt:Танк]] |
|||
[[uk:Танк]] |
|||
[[ur:دبابہ]] |
|||
[[uz:Tank]] |
|||
[[vi:Xe tăng]] |
|||
[[wa:Tank]] |
|||
[[war:Tangke]] |
|||
[[yi:טאנק]] |
|||
[[zh:坦克]] |
|||
[[zh-classical:坦克]] |
|||
[[zh-min-nan:Tank]] |
|||
[[zh-yue:坦克車]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:05, 18 พฤศจิกายน 2567
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ โปรดเพิ่มพารามิเตอร์ reason หรือ talk ลงในแม่แบบนี้เพื่ออธิบายปัญหาของบทความ |
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
รถถัง เป็นยานรบหุ้มเกราะติดตีนตะขาบที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรบที่แนวหน้าซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความคล่องตัว การรุก และการป้องกัน อำนาจการยิงของมันมาจากปืนหลักขนาดใหญ่ของมันที่ติดตั้งอยู่บนป้อมส่วนบนที่หมุนได้พรัอมกับมีปืนกลติดตั้งอยู่เพื่อเป็นอาวุธรอง ในขณะที่เกราะขนาดหนักและความสามารถในการเคลื่อนที่ของมันเป็นสิ่งที่คอยปกป้องชีวิตของพลประจำรถ นั่นทำให้มันสามารถทำงานหลักของทหารราบยานเกราะได้ทั้งหมดในสมรภูมิ[1]
ประวัติ
[แก้]รถถังเริ่มนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งแรกโดยอังกฤษ ได้แก่ Mark IV tank เพื่อใช้มันสนับสนุนทหารราบในการฝ่าทะลุแนวสนามเพลาะ พวกมันถูกใช้ในยุทธการซอมม์ในจำนวนน้อยมาก ในช่วงที่มันถูกสร้างขึ้นมันถูกเรียกว่ายานลำเลียงน้ำเพื่อปกปิดวัตถุประสงค์การใช้งานจริงของมัน คำว่า"แท็งค์" (tank) นั้นมาจากคำว่า "Water tank" ที่แปลว่าถังน้ำ ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนทหารราบมันจึงทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 5-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การมาของ Mark IV tank ทำให้ฝ่ายเยอรมันพัฒนารถถังของตนเอง ได้แก่ A7V เพื่อตอบโต้ฝ่ายอังกฤษ
ฝรั่งเศสเป็นชาติแรกในโลกที่พัฒนารถถังที่ติดตั้งปืนบนป้อมซึ่งหมุนได้ 360 องศาได้แก่ Renault FT และใช้พลรถถังเพียง 2 คน ในการควบคุมรถถัง ต่างจาก Mark IV tank ของอังกฤษที่ต้องใช้พลรถถังถึง 8 คนในการควบคุม และ A7V ของเยอรมนีที่ใช้พลรถถัง 18 คน
การพัฒนาในสงครามของมันเกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่สองทำให้มันเป็นแนวคิดหลักของสงครามยานเกราะซึ่งอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นบทบาทหลักในสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตได้นำรถถังที-34 มาใช้ มันเป็นหนึ่งในรถถังที่ดีที่สุดในสงครามและเป็นต้นตำรับของรถถังหลัก เยอรมนีใช้การโจมตีสายฟ้าแลบ ซึ่งเป็นยุทธวิธีในการใช้กองกำลังรถถังเป็นหลักโดยมีปืนใหญ่และการยิงทางอากาศเข้าสนับสนุนเพื่อเจาะทะลุแนวป้องกันของศัตรู
ปัจจุบันรถถังนั้นไม่ปฏิบัติการเพียงลำพังนัก พวกมันจะรวมกันเป็นหน่วยซึ่งจะมีทหารราบให้การสนับสนุน ทหารเหล่านั้นจะทำงานร่วมกับรถสายพานลำเลียงพลหรือยานพาหนะต่อสู้ทหารราบ รถถังยังถูกใช้ร่วมกับการสอดแนมหรือการโจมตีภาคพื้นดินทางอากาศอีกด้วย
เนื่องมาจากความสามารถและความหลากประโยชน์ของรถถังประจัญบานที่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญของกองทัพยุคใหม่[2] อย่างไรก็ตามในสงครามนอกกรอบได้นำข้อสงสัยมาสู่กองพลยานเกราะ[3]
การออกแบบ
[แก้]ปัจจัยหลักสามปัจจัยที่จะกำหนดความีประสิทธิภาพของรถถังคือ อำนาจการยิง การป้องกัน และความคล่องตัว ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 การผลิตรถถังแบบเศรษฐกิจนั้นดูแลโดยบริษัทผู้ผลิต การออกแบบรถถังขึ้นอยู่กับการคำนวณและการบำรุงรักษา เป็นสิ่งที่ถูกยอมรับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะบ่งบอกว่ารถถังมากแค่ไหนเป็นกำลังสำคัญของประเทศนั้น ๆ
ไม่มีการออกแบบใดที่ถูกใช้ในจำนวนมากพอที่จะพิจูน์ได้ว่าซับซ้อนเกินไปหรือยากเกินไปที่จะผลิต และมันได้สร้างความต้องการของกองทัพอย่างมาก การออกแบบที่มีราคาถูกได้เข้ามามีตำแหน่งเหนือกว่าเอกลักษณ์ในการทำงานของรถถัง ไม่ว่าที่ไหนสิ่งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะดีกว่ายุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อรถถังทั้งสองของฝ่ายสัมพันธิมตร ที-34 และเอ็ม4 เชอร์แมน ที่แม้ว่าจะมีการออกแบบทางวิศวกรรมที่เหมือนกัน แต่มันถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่ารถถังที่ออกแบบได้ยุ่งยากของเยอรมนี ซึ่งเป็นรถถังที่แพงกว่า ด้วยสิ่งนั้นลูกเรือของรถถังจะต้องใช้เวลาส่วนมากในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน วิศวกรรมแบบง่ายๆ จึงถูกนำมาใช้กับการออกแบบรถถังหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างการพัฒนากลไก ไฟฟ้า และเทคโนโลยีใหม่ ๆ
อำนาจการยิงเป็นจุดเด่น การปะทะ และการทำลายของรถถัง การป้องกันเป็นสิ่งที่มันต้องมี ความคล่องตัวไปทั่วสมรภูมิบนพื้นที่ขรุขระและสิ่งกีดขวางนั้นต้องดีเท่ากับการเคลื่อนที่บนถนน ทางรถไฟ การขนส่งทางเรือหรือเครื่องบิน เพื่อที่จะเข้าร่วมในสมรภูมิได้อย่างรวดเร็ว
การออกแบบรถถังนั้นเป็นสิ่งที่เป็นชั้นยอด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มอำนาจการยิง การป้องกัน และความคล่องตัวให้สูงสุดในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การเพิ่มการป้องกันด้วยการเพิ่มเกราะเข้าไปจะทำให้มันมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการทำให้มันเคลื่อนที่ได้ช้าลง การเพิ่มอำนาจการยิงด้วยการติดตั้งปืนขนาดใหญ่ขึ้นเข้าไปจะทำให้ผู้ออกแบบต้องรถความเร็วหรือเกราะเพื่อรองรับน้ำหนักของปืน แม้กระทั่งรถถังอย่างเอ1 เอบรามส์ซึ่งมีอำนาจการยิง ความเร็ว และเกราะที่ยอดเยี่ยม แต่ความได้เปรียบเหล่านี้ก็อยู่บนความสมดุลของเครื่องยนต์ ซึ่งลดพิสัยและความคล่องตัวลง
เพราะการพัฒนารถถังในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้บทเรียนจากการเปลี่ยนแปลงทางกลไกขนาดใหญ่เพื่อทำให้การออกแบบเน้นไปที่ความได้เปรียบของเทคโนโลยีในระบบรองของรถถังเพื่อทำให้มีทำงานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการออกแบบมากมายในช่วงนี้อย่าง ที-1 ของโซเวียต เอส-แท็งค์ของสวีเดน เมอร์เควาของอิสราเอล ได้ผสมผสานหลายอย่างเข้าด้วยกันและการเข้ามาของระบบเติมกระสุนอัตโนมัติที่ทำให้ลดจำนวนลูกเรือลง
การคิดค้นรถถัง
[แก้]รถถังเริ่มถูกคิดค้นโดยอังกฤษ และปรากฏตัวครั้งแรก ในสนามรบเมื่อ กันยายน 1916 เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งทางตะวันตก ทั้งสองครั้ง ยังใช้การรบในแบบหลบในสนามเพลาะ ปืนกล และ การกั้นรั่วลวดหนาม ใช้ในการทำแนวป้องกัน ดังนั้นสถานการณ์การรบจึงหยุดนิ่ง
ทางอังกฤษต้องการอาวุธใหม่ ในการทำลายแนวลวดหนาม ข้ามผ่าสนามเพลาะ และป้องกันปืนกลได้ดี อาวุธใหม่นี้ส่งผลให้เกิดรถถังขึ้นมา เมื่อทางอังกฤษพัฒนารถถังได้ พวกเข้าบอกว่ามันเป็นอุปกรณ์สำหรับขนย้ายน้ำในการปกปิดความจริง เนื่องจากรูปร่างเป็นทรงเพชร อังกฤษจะขนานนามมันว่า 'รถถัง' และใช้ชื่อนี้มาจนทุกวันนี้
อำนาจการยิง
[แก้]อาวุธหลักของรถถังยุคใหญ่คือปืนขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนป้อมปืนที่สามารถหมุนได้รอบทิศทาง ปืนใหญ่โดยทั่วไปจะเป็นอาวุธที่สามารถยิงกระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์ที่เรียกว่ากระสุนแซ็บบ็อต (Sabot) ระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง ระเบิดแรงสูงหัวบด และขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถังเพื่อทำลายยานเกราะของศัตรู เช่นเดียวกับกระสุนระเบิดแรงสูงที่ใช้สำหรับทำลายเป้าหมายทั่วไปที่ไม่ได้หุ้มเกราะ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้กระสุนที่ไร้สะเก็ดได้เมื่อต้องทำการต่อสู้ในเขตเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้สะเก็ดของระเบิดแรงสูงทำร้ายฝ่ายเดียวกัน[4]
ไจโรสโคปถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความเสถียรให้กับปืนใหญ่ ทำให้มันเล็งได้อย่างแม่นยำและยิงได้ในขณะเคลื่อนที่ ปืนรถถังยุคใหม่ยังมีตัวลดความร้อนเพื่อลดการกระจายความร้อนที่เกิดจากการยิง มันจะช่วยลดควันที่เข้าไปในรถถังและบางครั้งก็ลดแรงถีบซึ่งจะเพิ่มความแม่นยำและอัตราการยิงให้มากขึ้น
โดยทั่วไปแล้วการตรวจจับเป้าหมายจะใช้สายตามองเอาผ่านทางกล้องโทรทรรศน์ อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่ผู้บัญชาการรถถังจะเปิดฝาครอบด้านบนออกเพื่อมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความระมัดระวังต่อสถานการณ์แต่ก็ทำให้เขาตกเป็นเป้าของพลซุ่มยิงได้ โดยเฉพาะเมื่อยู่ในป่าหรือเมือง แม้ว่าการพัฒนามากมายในการตรวจหาเป้าหมายจะเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ข้อปฏิบัติดังกล่าวก็ยังถูกใช้กันอยู่
ในบางกรณีปืนกลเคียงที่อยู่ข้างปืนใหญ่ก็ถูกใช้เพื่อหาวิถีโค้งและระยะของเป้าหมาย ปืนกลนี้จะถูกติดตั้งบนแกนเดียวกับปืนใหญ่รถถัง และยิงกระสุนไปที่เป้าหมายเดียวกัน พลปืนจะติดตามการเคลื่อนไหวของกระสุนติดตามเมื่อมันพุ่งชนเป้าหมาย และเมื่อมันชนเป้าหมาย มันก็จะปล่อยแสงออกมาพร้อมกับควันหลังจากที่ปืนใหญ่ยิงออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็มักถูกแทนที่ด้วยเลเซอร์หาระยะแทน
รถถังยุคใหม่ยังมีกล้องมองกลางคืนและกล้องจับถวามร้อนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานในตอนกลางคืน ในสภาพอากาศที่เลวร้าย และในกลุ่มควัน ความแม่นยำของรถถังยุคใหม่ได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดโดยระบบควบคุมการยิง ระบบนี้ใช้เลเซอร์หาระยะเพื่อระบุความห่างจากเป้าหมาย มันยังมีตัววัดแรงลมและตัวควบคุมความร้อนที่ปากกระบอก การที่เลเซอร์หาระยะสามารถมองหาเป้าหมายสองเป้าได้พร้อมกับทำให้มันสามารถคำนวณการเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมเข้ากับการเคลื่อนไหวของรถถังและการเคลื่อนที่ของวัตถุในอากาศเพื่อคำนวณการไต่ระดับและจุดเล็งที่มันจะเข้าชนเป้าหมาย
โดยปกติแล้วรถถังจะมีปืนขนาดเล็กกว่าเพื่อป้องกันตัวในระยะใกล้ซึ่งการยิงด้วยปืนใหญ่นั้นจะไร้ประสิทธิภาพ อย่างการจัดการกับทหารราบ ยานพาหนะขนาดเบา หรือเครื่องบิน อาวุธรองมักจะเป็นปืนกลเอนกประสงค์ที่อยู่ข้างปืนใหญ่และปืนกลต่อต้านอากาศยานที่อยู่ด้านบนสุดของป้อมปืน อาวุธเหล่านี้มักถูกดัดแปลงเพื่อใช้โดยทหารราบ และใช้กระสุนที่เหมือน ๆ กัน
การป้องกัน
[แก้]สิ่งที่จะวัดการป้องกันของรถถังคือการผสมผสานความสามารถของมันเข้ากับการหลบหลีก เพื่อหลบหลีกการยิงของศัตรู การต้านทานการยิงของศัตรู และความสามารถในการรับมือกับความเสียหายโดยที่ยังสามารถทำภารกิจต่อไปได้ หรืออย่างน้อยก็ช่วยชีวิตของลูกเรือเอาไว้ ส่วนมากแล้วรถถังมักเจออุปสรรคอย่างป้าหรือเมืองซึ่งลดความได้เปรียบเรื่องระยะยิงและการเคลื่อนที่ของมัน เป็นการจำกัดความสามารถในการตรวจหาเป้าหมายของลูกเรือและอาจทำให้ป้อมปืนไม่สามารถทำการหมุนได้ แม้ว่าจะมีข้อด้อยเหล่านั้นรถถังก็ยังคงมีความอยู่รอดสูงเมื่อต้องเจอกับอาร์พีจีในทุกสภาพแวดล้อมเพราะเกราะที่ยอดเยี่ยมของมัน
รถถังประจัญบานหลักแทบทุกคันจะติดตั้งเกราะช็อบแฮมที่ออกแบบโดยอังกฤษ ตัวอย่างเช่น รถถังเอ็ม1 เอบรามส์ของสหรัฐและรถถังลีโอพาร์ด 2 ของเยอรมนี มันเป็นแผ่นเกราะที่ก้าวหน้าที่สุดที่รถถังจะใช้ได้ (ยกเว้นชาเลนเจอร์ 2 ของอังกฤษ) และได้ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าให้การป้องกันจากเครื่องยิงจรวดและระเบิดแรงสูงได้ดี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเป็นเกราะที่มีประสิทธิภาพและก้าวหน้า ความอยู่รอดของรถถังเมื่อต่อเจอกับขีปนาวุธต่อต้านรถถังแบบใหม่ก็ยังคงเป็นที่กังวลของเหล่ากองทัพในปัจจุบัน[5]
การหลบหลีก
[แก้]รถถังทำการหลบหลีกด้วยการใช้การพรางตัว (ทำให้ดูเหมือนสิ่งรอบตัว) การปกปิด (ทำให้ไม่ถูกมองเห็น) และการหลอกล่อ (ทำให้เหมือนสิ่งอื่นแทน)
มันเป็นเรื่องยากที่รถถังจะหลบหลีกอะไรได้ด้วยความจริงที่ว่ารถถังเป็นเหล็กชิ้นโตที่มีสะดุดตา ย้อนแสงได้ง่าย ปล่อยความร้อน และเสียงดัง ผลที่ตามมาคือมันเป็นการยากที่จะอำพรางลำตัวส่วนล่างของรถถังให้ได้ประสิทธิภาพ รถถังจะถูกพบเห็นได้ง่ายมากเมื่อมันเคลื่อนที่เพราะขนาดที่ใหญ่ เสียงดังที่เป็นเอกลักษณ์ แรงสั่นสะเทือน และความร้อนจากเครื่องยนต์ สายพานหรือตีนตะขาบและกลุ่มฝุ่นเองก็เป็นภัยต่อรถถังเพราะมันจะถูกตามรอยได้ รถถังที่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ก็ตกเป็นเป้าของการตรวจจับโดยอินฟราเรดได้เพราะความแตกต่างระหว่างคุณสมบัตินำความร้อนและความร้อนจากเหล็กของรถถังและสิ่งที่อยู่รอบๆ มัน ในระยะใกล้รถถังเองก็สามารถถูกตรวจจับได้แม้ว่ามันจะเบาเครื่องยนต์และปกปิดอย่างดีเพราะว่ากลุ่มอากาศร้อนเหนือรถถังและกลิ่นของน้ำมันดีเซลจากเครื่องยนต์
ผ้าห่มความร้อนจะลดอัตราการกระจายของความร้อนและตาข่ายพรางตัวจะใช้การผสมวัสดุต่างๆ ที่ให้ความร้อนแตกต่างกันเพื่อหลอกอินฟราเรด การอำพรางจะทำเพื่อขจัดเอกลักษณ์และการย้อนแสงของรถถัง การปรับตำแหน่งของป้อมปืนหรือตัวรถจะลดการย้อนแสงของรถถังและเป็นการเพิ่มการป้องกันไปในตัว
เกราะ
[แก้]เพื่อให้การป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพต่อรถถังและลูกเรือ เกราะรถถังต้องรับมือกับอาวุธได้แทบทุกชนิด การป้องกันกระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์และระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่เกราะของรถถังยังสามารถป้องกันขีปนาวุธต่อต้านรถถังจากทหารราบ กับระเบิด ระเบิด ปืนใหญ่ และภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ และอาวุธเคมี
แผ่นเกราะเหล็กนั้นเป็นเกราะแบบแรกสุดของรถถัง เยอรมนีนั้นใช้เกราะเหล็กผิวแข็งในสงครามโลกครั้งที่ 2 และโซเวียตก็ใช้เกราะลาดเอียง การพัฒนาในสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังทำให้หมดยุคของเกราะเหล็กด้วยการมาของกระสุนหัวรบอย่างแพนเซอร์ฟอสท์และบาซูก้าซึ่งให้การทำลายที่ร้ายกาจ กับระเบิดแม่เหล็กได้นำไปสู่การพัฒนาของสีและผิวต้านทานแรงแม่เหล็ก
นักวิจัยรถถังของอังกฤษได้ก้าวหน้าไปด้วยการพัฒนาเกราะช็อบแฮมหรือรู้จักกันทั่วไปว่าเกราะผสม มันเป็นการผสมผสานของเซรามิกและพลาสติกโดยมีเรซินอยู่ระหว่างแผ่นเหล็ก ซึ่งให้การป้องกันที่ดีจากระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง กระสุนหัวบดทำให้เกิดเกราะต้านสะเก็ดระเบิด และกระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์ก็ทำให้เกิดวัสดุผสมที่แปลกใหม่อย่างกากยูเรเนียมที่ใส่เข้าไปในเกราะผสม เกราะปฏิกิริยาประกอบด้วยกล่องขนาดเล็กที่มีวัตถุระเบิดบรรจุอยู่ภายในซึ่งจะจุดชนวนเมื่อถูกยิงโดยกระสุนจรวดที่ยิงออกมาจากระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง ทำให้แผ่นเหล็กของมันเข้าทำลายกระสุน หัวรบซ้อนได้เอาชนะเกราะปฏิกิริยาด้วยการทำให้เกราะจุดชนวนก่อนเวลาอันควร เครื่องยิงลูกระเบิดซึ่งสามารถสร้างม่านควันและระบบตอบโต้ยังสร้างการป้องกันเสริมให้กับรถถัง
ความคล่องตัว
[แก้]ความคล่องตัวของรถถังนั้นขึ้นอยู่กับสมรภูมิหรือการเคลื่อนที่ทางยุทธวิธี ความคล่องตัวในการปฏิบัติการ และความคล่องตัวในด้านยุทธศาสตร์ ความคล่องตัวด้านยุทธวิธีอย่างแรกคือความรวดเร็ว อัตราการเร่งของรถถัง เบรก ความเร็ว และอัตราการในการปรับตัวตามภูมิประเทศ และอย่างที่สองคือการฝ่าเครื่องกีดขวาง ความคล่องตัวในการปฏิบัติการเป็นการทำงานของพิสัยการเคลื่อนที่ แต่ก็ยังเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนัก และการจำกัดการเคลื่อนที่ ตัวอย่างเช่น ที-80 ที่รวมตัวกันเป็นขบวนจะมีความสามารถในการรุกมากกว่าเอ็ม-1 เอบรามส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพราะว่าถนนและสะพานเข้ามาเป็นตัวจำกัด ความคล่องตัวในทางยุทธศาสตร์เกี่ยวข้องกันกองทัพฝ่ายใดจะเคลื่อนย้ายไปตามส่วนต่างๆ รวดเร็วกว่ากัน ตัวอย่างเช่น รถถังที่มีขนาดเล็กกว่าสามารถเดินทางผ่านอุโมงค์รถไฟ ทำให้มันมีความคล่องตัวทางด้านยุทธศาสตร์มากกว่าคันที่ใหญ่กว่า
ความคล่องตัวของรถถังนั้นขึ้นอยู่กับน้ำหนักของรถถังเพราะว่าความเฉื่อยของมันในขณะเคลื่อนที่และแรงที่มันกระทำต่อพื้นดิน พลังที่ส่งออกมาจากเครื่องยนต์และการส่งสัญญาณและการออกแบบตีนตะขาบ นอกจากนี้แล้วสภาพพื้นที่ขรุขระยังเป็นอุปสรรคต่อความเร็วของรถถัง การฝ่าพื้นที่เหล่านี้ประสบความสำเร็จในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อระบบดูดซับแรงการกระเทือนถูกพัฒนาขึ้น ทำให้มันสามารถเดินทางข้ามประเทศและยิงขณะเคลื่อนที่ได้ดียิ่งขึ้น ระบบอย่างระบบคริสตี้ในรุ่นแรกหรือทอร์ชั่น-บาร์ในรุ่นต่อมาถูกพัฒนาขึ้นโดยเฟอร์ดินานด์ พอร์เชเป็นระบบที่ช่วยให้การเดินทางข้ามประเทศเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น[6]
รถถังประจัญบานหลักนั้นเคลื่อนที่รวดเร็วและสามารถเดินทางข้ามพื้นที่ได้แทบทุกรูปแบบเพราะตีนตะขาบต่อเนื่องและการลดแรงกระเทือนที่ก้าวหน้า ตีนตะขาบจะกระจายน้ำหนักของรถถังไปทั่วพื้นที่ ทำให้มันมีแรงกดพอๆ กับคนเดิน[7] รถถังสามารถเดินทางได้ประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนพื้นที่ราบและ 070 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนถนน แต่เนื่องมาจากความตึงด้านกลไลของพาหนะและการผลาญเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษารถถัง ความเร็วดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองที่จะก่อให้เกิดปัญหาด้านกลไกของเครื่องยนต์และระบบส่งสัญญาณ ผลที่ตามมาคือรถเคลื่อนย้ายรถถังและทางรถไฟเพื่อทำการขนย้ายรถถังในระยะทางที่ไกล การจำกัดการเคลื่อนที่ระยะไกลของรถถังจะเห็นความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับยานพาหนะต่อสู้หุ้มเกราะ การปฏิบัติการส่วนใหญ่ของการโจมตีสายฟ้าแลบเป็นอัตราการเคลื่อนที่ให้ได้ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกิดขึ้นแค่เพียงบนถนนในฝรั่งเศส[8]
การปฏิบัติการในน้ำ
[แก้]เมื่อไม่มีมีทหารช่าง รถถังส่วนใหญ่นั้นจะเกิดปัญหาเมื่อต้องทำการข้ามแม่น้ำ รถถังประจัญบานหลักส่วนใหญ่จะข้ามน้ำที่ลึกไม่เกิน 1 เมตรเพราะว่าตำแหน่งของเครื่องยนต์และพลขับที่อยู่ต่ำ รถถังที-80 ของโซเวียตและลีโอพาร์ด 1 และลีโอพาร์ด 2 ของเยอรมนีสามารถเดินทางในน้ำที่ลึกได้ถึง 3-4 เมตร เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ลูกเรือของรถถังมักจะมีความสามารถที่จำกัดเมื่อดำน้ำลึกขนาดนั้นแต่ด้วยการเพิ่มกล้องเข้าไปมันก็ทำให้เกิดหนทางใหม่ในการเข้าโจมตี
รถถังสะเทินน้ำสะเทินบกเป็นการออกแบบพิเศษสำหรับการปฏิบัติการในน้ำโดยเฉพาะ แต่พวกมันมีจำนวนมากในกองทัพยุคใหม่ โดยเข้ามาแทนที่ยานพาหนะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกและรถสายพานลำเลียงพลในการจู่โจมแบบสะเทินน้ำสะเทินบก รถสะพานอีเอฟเอและเอ็มที-55 ได้ลดสิ่งกีดขวางของรถถังอย่างแม่น้ำออกลง[9]
ขุมกำลัง
[แก้]เครื่องยนต์ของรถถังจะคอยให้พลังงานจลน์เพื่อเคลื่อนที่ และพลังไฟฟ้าผ่านทางเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้กับป้อมปืนที่ต้องใช้มอเตอร์และระบบอิเลคทรอนิกอื่นๆ ของรถถัง ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ขุมกำลังของรถถังนั้นต้องพึ่งน้ำมันและเครื่องยนต์อัตโนมัติ จนเครื่องยนต์ดีเซลได้พัฒนาไปอย่างมาก และมีเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ที่ทรงพลังแต่กินน้ำมันอย่างของที-80 และเอ็ม-1 เอบรามส์
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ von Senger and Etterlin (1960), The World's Armored Fighting Vehicles, p.9.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อHouse1984
- ↑ {{ Citation | first = Roger | last = Tranquiler | title = Modern Warfare. A French View of Counterinsurgency, trans. Daniel Lee | quote = Pitting a traditional combined armed force trained and equipped to defeat similar military organisations against insurgents reminds one of a pile driver attempting to
- ↑ USA Today (2005), Tanks adapted for urban fights they once avoided
- ↑ BBC News (2006) Tough lessons for Israeli armour
- ↑ Deighton (1979), Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk, pp. 154
- ↑ Thompson and Sorvig (2000), Sustainable Landscape Construction: A Guide to Green Building Outdoors, p.51
- ↑ Deighton (1979), Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk, p.180
- ↑ Deighton (1979), Blitzkrieg, From the rise of Hitler to the fall of Dunkirk, pp.234-252