ไปญี่ปุ่นช่วงไหนดีที่สุด?

ประเทศญี่ปุ่นในเดือนมกราคมนั้นค่อนข้างเย็น โดยอุณหภูมิจะลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียสและมีหิมะตกในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่ก็มีกิจกรรมมากมายสำหรับคลายหนาว ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวชมเทศกาลฤดูหนาวต่าง ๆ การแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน และเล่นสกี จำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยกว่าบวกกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างความประทับใจอยู่ตลอดทำให้ควรค่าแก่การฝ่าลมหนาวไปเที่ยวในเมืองใหญ่ ๆ เช่น โตเกียวและเกียวโต แต่ขอให้จำไว้สักนิดว่าร้านรวงและสถานที่หลายแห่งปิดทำการในช่วงปีใหม่ หากยังยืนกรานที่จะทิ้งเสื้อโค้ตและร่มกันฝนไว้ที่บ้าน เกาะโอกินาว่าทางภาคตะวันตกเฉียงใต้น่าจะเหมาะกับท่าน ด้วยสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนตลอดปี และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส

เทศกาลโชกัตสึ (ปีใหม่) เริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม โดยที่ทุกคนต่างมารวมตัวและอวยพรกันให้มีสุขภาพดีและมั่งมีเงินทอง ท่านสามารถไปร่วมงานเทศกาลศิลปะจากหิมะเพื่อชมประติมากรรมน้ำแข็งรูปสัตว์ในตำนานอันสวยงามซึ่งประดับประดาด้วยไฟส่องสว่างในยามค่ำคืน เนื่องจากเดือนมกราคมเป็นเดือนที่หนาวที่สุดของปี หลายคนจึงถือโอกาสเดินทางไปยังเนินเขาต่าง ๆ เพื่อเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด ซึ่งฮาคุบะและนิเซโกะเป็นเมืองตากอากาศ 2 แห่งที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ไฮไลต์ของเดือนมีนาคมคงหนีไม่พ้นเทศกาลฮานามิ ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่าการชมดอกไม้ ใช้เวลาไม่นานท่านก็จะเข้าใจว่าผู้คนฮือฮากันเรื่องอะไร เพราะมีต้นซากุระมากมายผลิบานทั้งในสวน ริมถนน และริมแม่น้ำ สีสันของซากุระจะเริ่มโดดเด่นที่สุดในช่วงต้นเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงที่เฉดสีออกแดงแผ่กระจายจากทางตอนใต้ไล่ขึ้นไปทางเหนือ โดยเมื่อใกล้สิ้นเดือนก็จะได้เห็นแนวต้นไม้สีชมพูบานเต็มที่ หากต้องการเห็นประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่มีสีสันสวยงามที่สุด ก็เป็นการดีที่จะตรวจสอบพยากรณ์ซากุระบานล่วงหน้า โดยข้อมูลพยากรณ์จะออกมาในช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นจะมีการอัปเดตทุกสัปดาห์ตลอดฤดูกาล

อนิเมะถือเป็นวาระแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นหากมาเที่ยวโตเกียวในช่วงนี้ก็ไม่ควรพลาดเทศกาล AnimeJapan อันเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งอุทิศให้กับสไตล์ภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวที่ได้รับความนิยมนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงกลางวันอยู่ในระดับสบาย ๆ ที่ 13 องศาเซลเซียส ทำให้ช่วงนี้เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนประเทศญี่ปุ่น หากท่านจะออกไปเที่ยวข้างนอกทั้งวัน อย่าลืมเตรียมเสื้อโค้ตที่อุ่นพอควรหรือเสื้อจัมเปอร์ไว้สวมใส่ในช่วงค่ำที่อากาศจะเย็นขึ้นเล็กน้อย

มวลอากาศที่อุ่นขึ้นซึ่งแผ่ไปทั่วประเทศทำให้เดือนเมษายนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การไปเยือนภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น ฤดูซากุระเริ่มเห็นได้ในเมืองต่าง ๆ อย่างโตเกียวและเกียวโต ขณะที่รีสอร์ทชายหาดทางตอนใต้ของโอกินาว่าต่างเปิดให้บริการ ถึงแม้ว่าในระหว่างวันอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 19 องศาเซลเซียส แต่ท่านยังคงต้องสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นในช่วงเย็นเพราะอากาศค่อนข้างหนาว

ผู้คลั่งไคล้กีฬาฤดูหนาวยังสามารถไปเล่นสกีที่เนินของสถานตากอากาศบางแห่งอย่างที่นิเซโกะซึ่งพร้อมให้บริการสำหรับการเล่นสกีในฤดูใบใม้ผลิ หากใจจดจ่อที่จะชมความงามของฤดูซากุระในช่วงที่บานอย่างเต็มที่ โตเกียว โอซาก้า และเกียวโตก็เป็นสถานที่สำหรับฮานามิ (ชมดอกไม้บาน) ที่ดีที่สุด เพราะเต็มไปด้วยสีชมพูบานสะพรั่งบนท้องถนน สวน และศาลเจ้าต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นยังมีจุดชมดอกซากุระผลิบานกว่าพันแห่งทั่วประเทศ แต่ขอให้ระวังว่าผู้คนจะเพิ่มขึ้นอย่างคับคั่งในช่วงโกลเด้นวีค (วันที่ 29 เมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม) เพราะเป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน

เนื่องด้วยมีเทศกาลโกลเด้นวีคต่าง ๆ จัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม อีกทั้งซากุระก็ผลิบานเป็นสีชมพูสดเต็มที่ในภูมิภาคทางเหนืออย่างฮอกไกโด และอุณหภูมิเฉลี่ยที่ค่อย ๆ เพิ่มไปอยู่ที่ระดับสบาย ๆ อย่าง 23 องศาเซลเซียส ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงหยุดงานในสัปดาห์นี้ ดังนั้นระบบขนส่งสาธารณะและสวนสาธารณะจึงเต็มไปด้วยผู้คน

เมื่อฝูงชนค่อย ๆ ลดน้อยลง ท่านสามารถเที่ยวชมเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่น โตเกียว โอซาก้า และเกียวโตในแบบที่ไม่ต้องเบียดเสียดนัก และเพลิดเพลินกับสภาพอากาศที่ใส่แค่เสื้อยืดสักตัวก็เพียงพอ เมื่อฤดูเล่นสกีสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ การเดินเขาก็เป็นกิจกรรมที่ดีที่สุดสำหรับขยับร่างกาย โดยเทือกเขาและอุทยานแห่งชาติหลายแห่งของฮอกไกโดถือเป็นสถานที่เหมาะที่สุดในการเดินชมทิวทัศน์ โตเกียวในเดือนพฤษภาคมเต็มไปด้วยงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น ซันจะมัตสึริสุดอึกทึก ซึ่งเป็นการจัดขบวนแห่ศาลเจ้าจำลองกว่า 100 ศาลเจ้าไปตามท้องถนนในช่วงสุดสัปดาห์ ส่วนในช่วงท้ายของเดือนมีการจัดงาน Roppingi Art Night ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในย่านรปปงงิ โดยช่วงสุดสัปดาห์จะมีผลงานศิลปะและการแสดงสดกลางแจ้งซึ่งทำให้ย่านนี้กลายเป็นหอศิลป์กลางแจ้งขนาดใหญ่

ปลายเดือนมิถุนายนเป็นช่วงที่ฤดูฝน (“ทสึยุ”) ส่งผลต่อประเทศญี่ปุ่นเกือบทั่วทุกที่ ดังนั้นจึงขอแนะนำอย่างยิ่งให้เตรียมเสื้อโค้ตที่กันน้ำได้และร่มไปด้วย แต่เกาะทางเหนือสุดอย่างฮอกไกโดเป็นหนึ่งในภูมิภาคของญี่ปุ่นที่ไม่มีฝน จึงสามารถดื่มด่ำกับอากาศแจ่มใสได้เกือบตลอดเดือน ส่วนภาคใต้สภาพอากาศจะค่อนข้างร้อนชื้น โดยมีฝนเขตร้อนตกชุกกระจายทั่วภูมิภาคและอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 26 องศาเซลเซียส

ถึงแม้ว่าจะมีฝนในภาคกลางและภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่น แต่เมืองใหญ่ต่าง ๆ ก็ยังมีอะไรหลายอย่างให้ท่านค้นหา โดยช่วงนี้เหมาะสำหรับใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนแบบดั้งเดิมหรือที่เรียกกันว่าออนเซ็น ซึ่งท่านสามารถแช่ตัวในน้ำที่ได้รับความร้อนจากใต้ผิวโลกและเต็มไปด้วยแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังมีการจัดเทศกาลเข้าชมฟรีต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น เฮียคุมังโกะคุมัตสึริในคานาซาว่า ซึ่งท่านสามารถชมการร่ายรำพื้นเมืองและเครื่องแต่งกายดั้งเดิมในยุคคริสต์วรรษที่ 16

เมื่อถึงเดือนกรกฎาคม ทางตอนเหนือและตอนใต้มักมีอากาศแจ่มใส จึงเหมาะสำหรับเที่ยวชมเทือกเขาหรือดำน้ำตื้นรอบหมู่เกาะโอกินาว่า ขณะที่อากาศในฮอนชูและตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นนั้นชื้นกว่าเนื่องจากยังคงเป็นฤดูฝน ถึงแม้ว่าในภูมิภาคส่วนใหญ่ของประเทศยังคงร้อนและชื้นอย่างมาก แต่ท่านก็สามารถสัมผัสอากาศที่เย็นกว่าในภูมิภาคทางเหนืออย่างฮอกไกโดซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส

ฤดูกาลปีนเขาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม เมื่อผู้รักการผจญภัยต่างพากันไปพิชิตภูเขาฟูจิซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศด้วยความสูง 3,776 เมตร โดยช่วงสุดสัปดาห์ของเดือนกรกฎาคมจะมีการแสดงดนตรีครั้งใหญ่บางรายการที่ Fuji Rock Festival ซึ่งหากมาที่ภูเขาฟูจิพอดีก็จะได้ชมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในช่วงดังกล่าวยังมีการจัดงานเทศกาลฤดูร้อนที่ได้รับความนิยมอย่างกิออนมัตสึริในเกียวโต เทนจินมัตสึริในโอซาก้า และงาน “ฮานาบิไทไค” (การแสดงดอกไม้ไฟ) นับร้อยทั่วประเทศ

การรวมตัวของความร้อน อากาศชื้น การปิดภาคเรียน และการเริ่มต้นของฤดูไต้ฝุ่นอาจทำให้เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่ค่อนข้างวุ่นวายและมีฝูงชนแน่นขนัด อุณหภูมิจะอยู่ช่วง 23-35 องศาเซลเซียส ดังนั้นควรเตรียมเสื้อผ้าเนื้อเบาที่ระบายอากาศได้ดีไว้เยอะ ๆ ชายหาดต่าง ๆ ในอิชิคาริซึ่งอยู่นอกเมืองซัปโปโรนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ของปี และมีความชื้นต่ำกว่าส่วนอื่นของประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ระดับสูงกว่าของเกาะ

ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนชื้นไม่สบายตัว การหลีกเลี่ยงเมืองต่าง ๆ อย่างโตเกียว โอซาก้า และเกียวโตน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่เมืองเหล่านี้ก็มีการจัดงานแสดงดอกไม้ไฟอันน่าตื่นตาและควรค่าแก่การชมหากท่านอยู่ในเมือง ฤดูปีนเขายังดำเนินต่อไปอย่างเต็มเหนี่ยว การเดินทางขึ้นภูเขาฟูจิจึงยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ แต่ขอให้เตรียมใจไว้สักนิดว่าเส้นทางเดินขึ้นเขาจะเต็มไปด้วยฝูงชนในสัปดาห์โอบ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามช่วงวันหยุดหลัก ๆ ของญี่ปุ่น

สภาพอากาศที่ค่อนข้างเลวร้ายและตัวเลือกท่องเที่ยวที่มีจำกัดทำให้เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ควรหลีกเหลี่ยงในการไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าสภาพอากาศโดยทั่วไปจะมีความร้อนชื้นน้อยลง แต่จะย่างเข้าฤดูไต้ฝุ่นแบบพีคที่มักจะส่งผลกระทบต่อบริเวณชายฝั่งของโอกินาว่า คิวชู และชิโกกุด้วยฝนตกหนักและลมแรง เมื่อทราบดังนี้แล้วท่านควรพกร่มติดตัวไว้เสมอ และเช็คพยากรณ์อากาศก่อนออกไปข้างนอก

ท่านจะได้สัมผัสกับสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าฤดูใบไม้ร่วงกำลังย่างกรายเข้ามาทางภาคเหนือในอุทยานแห่งชาติของฮอกไกโดเมื่อใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงและสีส้มอันสวยงาม หากท่านอยู่ที่โอซาก้าในสุดสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายน ท่านจะได้สัมผัสกับเทศกาลที่คึกคักที่สุดเทศกาลหนึ่ง นั่นคือ “คิชิวะดะดันจิริมัตสึริ” ส่วนทั่วประเทศจะมีการรวมตัวเพื่อชมพระจันทร์เต็มดวงในเทศกาลที่เรียกว่า “ทสึคิมิ”

เดือนตุลาคมเป็นหนึ่งในช่วงที่ดีที่สุดในการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเพราะฤดูไต้ฝุ่นและฝนต่างเปิดทางให้ฤดูใบไม้ร่วงซึ่งมีทิวทัศน์อันสวยงาม รวมถึงอากาศอบอุ่นในระหว่างวัน และช่วงค่ำที่มีอากาศสบาย ๆ ท่านสามารถเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติของฮอกไกโดเพื่อชมสีสันประจำฤดูในโทนแดง ส้ม และทองอันน่าตื่นตาได้อย่างเต็มที่ โดยที่ O-numa Quasi National Park เป็นจุดที่มีหมู่ใบไม้สีสันสดใสที่สุดแห่งหนึ่ง อุณหภูมิโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 14-22 องศาเซลเซียสทุกภูมิภาค ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้นเมื่อออกไปเที่ยว

สภาพอากาศที่น่าพิสมัยยังมาพร้อมกับเทศกาลมากมายทั่วทุกมุมประเทศ โดยรวมถึงมัตสึเอะซุยโทโร (เทศกาลแห่งน้ำและแสงสว่าง) ในเมืองมัตสึเอะ เทศกาลศิลปะการแสดงประจำปีของโตเกียว (Festival/Tokyo) และอ็อกโทเบอร์เฟสต์ของโยโกฮาม่า ฮัลโลวีนก็ถือเป็นวาระแห่งชาติของญี่ปุ่นเช่นกัน จึงไม่แปลกที่จะได้เห็นผู้ร่วมงานนับพันในเครื่องแต่งกายสุดครีเอทีฟตามจัตุรัสและสวนสาธารณะต่าง ๆ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมมาถึง อีเวนท์ต่าง ๆ นั้นรวมถึงแฟลชม็อบ ปาร์ตี้ปิดถนน หรือแม้แต่กิจกรรมวิ่งหนีซอมบี้

สภาพอากาศแจ่มใสและทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงอันสวยงามเหมาะสำหรับการถ่ายภาพทำให้เดือนพฤศจิกายนเป็นหนึ่งในเดือนที่ดีที่สุดในการไปเยือนประเทศญี่ปุ่น อากาศจะเริ่มเย็นลงเล็กน้อยในช่วงนี้ของปี ดังนั้นขอให้เตรียมเสื้อผ้าเผื่อไว้หลายชั้นเพื่อรับมือกับอากาศที่หนาวขึ้นในช่วงค่ำ โดยเฉพาะผู้ที่จะเดินทางไปยังเกาะทางเหนือสุดอย่างฮอกไกโด ซึ่งอุณหภูมิจะลดต่ำลงจนถึงประมาณ 8 องศาเซลเซียส ท่านสามารถสัมผัสกับอากาศอบอุ่นที่สุดได้บริเวณหมู่เกาะโอกินาว่าซึ่งอยู่ทางตอนใต้ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 22 องศาเซลเซียส

กลางเดือนพฤศจิกายนจะมีงานเทศกาลดั้งเดิมอย่างงานฉลองรับขวัญเด็กอายุ 7-5-3 ปี (Shici-Go-San) โดยเหล่าเด็กหญิงอายุ 3 และ 7 ปีกับเด็กชายอายุ 5 ปีจะสวมใส่ชุดกิโมโนสีสันสดใสและมารับพรที่ศาลเจ้าชินโต นอกจากนี้ก็สามารถชมการแข่งขันซูโม่รายการสุดท้ายของปีซึ่งจะจัดขึ้นที่ฟุกุโอกะ ซึ่งการแข่งขัน Kyushu Basho นี่จะเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมใน Fukuoka Kokusai Center ได้ นอกจากนี้เกียวโตก็ควรค่าแก่การไปเยือนในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน เพราะวัดวาและสวนต่างมีทิวทัศน์อันสวยงามราวกับภาพโปสการ์ด

เมื่อถึงช่วงนี้ของปี ความเย็นของฤดูหนาวก็ได้แผ่ขยายไปด้วยดี นำมาซึ่งหิมะแรก การประดับไฟประจำเทศกาล และการเริ่มต้นฤดูสกีในฮอกไกโด อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4-12 องศาเซลเซียสและเวลาช่วงกลางวันจะสั้นลง โดย ที่โตเกียวพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าในช่วงประมาณ 16:30 น. สภาพอากาศในเกาะต่าง ๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้จะยังคงสบาย ๆ อยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส ส่วนชายหาดก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน แต่น้ำทะเลอาจเย็นเกินกว่าจะจุ่มเท้าลงไปได้

ศาลเจ้าหลายแห่งจัดงานพิธีส่งท้ายปีเก่าขึ้นในวันที่ 31 ธันวาคม และการทานโซบะก็เป็นประเพณีที่เต็มไปด้วยความอร่อยซึ่งเรียกกันว่า “โทชิโคชิโซบะ” โดยเชื่อกันว่าจะนำโชคดีมาให้และมีอายุยืนโดยเฉพาะผู้ที่ได้ทานเส้นโซบะที่ยาวที่สุด เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนจะมีการตีระฆังในวัดทั่วประเทศ 108 ครั้งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโจยะโนะคาเนะหรือพิธีชำระล้างประจำปี ถึงแม้ว่าจะมีเทศกาลรื่นเริงมากมาย แต่ก็อย่าลืมว่าช่วงนี้เป็นหนึ่งในสามฤดูกาลท่องเที่ยวหลักของประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นธุรกิจจำนวนมากอาจปิดทำการหรือจำกัดเวลาที่เปิดให้บริการ และระบบขนส่งก็อาจมีผู้คนหนาแน่นขึ้นด้วยเช่นกัน