ปัจจุบันครีเอเตอร์มากกว่า 2 ล้านคนทั่วโลกเข้าร่วม YPP รวมถึงครีเอเตอร์อีกมากมายที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่เคยมีแพลตฟอร์มมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักรีวิวเทคโนโลยีไปจนถึงเอนเตอร์เทนเนอร์ โดยครีเอเตอร์เหล่านี้หลายคนได้สร้างงานและกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจระดับท้องถิ่นและระดับโลก เฉพาะปี 2019 ระบบนิเวศการสร้างสรรค์ของ YouTube สร้างรายได้เทียบเท่ากับงานประจำถึง 345,000 งาน ซึ่งนับเพียงในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และยังทำให้ผู้ชมทั่วโลกได้รับชมเนื้อหาที่มีคุณภาพในหัวข้อต่างๆ ได้ฟรี ตั้งแต่วิธีซ่อมประตูโรงรถ มิวสิกวิดีโอ ตลอดจนการบรรยายเกี่ยวกับฟิสิกส์ขั้นสูง
การปกป้องเศรษฐกิจสร้างสรรค์
รูปแบบธุรกิจที่โดดเด่นนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อผู้ชม ครีเอเตอร์ และผู้ลงโฆษณามีความมั่นใจว่าเราปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบในการทำธุรกิจ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เราได้ลงทุนด้านนโยบาย แหล่งข้อมูล และผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการปกป้องชุมชนและครีเอเตอร์ส่วนใหญ่ที่ผลิตเนื้อหาอันยอดเยี่ยม พร้อมกับปราบปรามผู้ไม่ประสงค์ดีจำนวนหนึ่ง โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 อัตราการดูที่มีการละเมิดของ YouTube อยู่ที่ 0.16-0.18% ซึ่งหมายความว่าทุกๆ การดู 10,000 ครั้งบน YouTube จะมีการดูเพียง 16-18 ครั้งที่มาจากเนื้อหาที่มีการละเมิด ความมุ่งมั่นในเรื่องความรับผิดชอบนี้จึงส่งผลดีต่อครีเอเตอร์และธุรกิจของเราโดยรวม ในไตรมาส 2 ของปีนี้ รายได้โฆษณา YouTube ทะลุ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเราได้จ่ายเงินให้กับครีเอเตอร์และพาร์ทเนอร์มากกว่าไตรมาสใดๆ ในประวัติศาสตร์ของเรา
นอกจากหลักเกณฑ์ของชุมชนแล้ว ครีเอเตอร์ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่สูงขึ้นเพื่อเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube และสร้างรายได้บน YouTube ทุกช่องที่สมัครเข้าร่วม YPP จะได้รับการตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบที่ผ่านการฝึกอบรมเพื่อให้มั่นใจว่าช่องดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย นอกจากนี้ เรายังตรวจสอบและนำช่องที่ไม่เป็นไปตามนโยบายออกเป็นประจำอีกด้วย เช่น เราได้นำช่องที่ละเมิดนโยบายเกี่ยวกับวาจาสร้างความเกลียดชัง การล่วงละเมิด และการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องซ้ำๆ ออกจาก YPP
เนื่องจากการโฆษณาถือเป็นแหล่งรายได้หลักของครีเอเตอร์ เราจึงต้องการรับประกันว่าผู้ลงโฆษณามีความเชื่อมั่นในระบบของเราและพึงพอใจกับตำแหน่งที่โฆษณาปรากฏ ผู้ลงโฆษณาไม่ต้องการให้แบรนด์ของตนเชื่อมโยงกับเนื้อหาและผู้ที่มีปัญหา โดยเราพบว่าผู้ลงโฆษณาจะยกเลิกการลงโฆษณา เมื่อไม่เชื่อมั่นในระบบของเรา ผู้ลงโฆษณาก็จะลดการใช้จ่ายบน YouTube ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศ ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ไม่ประสงค์ดีเพียงไม่กี่ราย
เราร่วมมือกับผู้ลงโฆษณาอย่างใกล้ชิดเพื่อดำเนินการแก้ไขตามความคิดเห็นของผู้ลงโฆษณา โดยในปัจจุบันเราสามารถรับประกันได้ถึง 99% ว่าแบรนด์มีความปลอดภัยสำหรับผู้ลงโฆษณา ด้วยเหตุนี้ YouTube จึงเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลแรกที่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยของแบรนด์ระดับเนื้อหาจาก Media RatingCouncil นอกจากนี้ YouTube ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Alliance for Responsible Media (GARM) ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของแบรนด์และความปลอดภัยทางดิจิทัลกับผู้ลงโฆษณา การเข้าร่วมโครงการริเริ่มนี้ทำให้เราได้ช่วยกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อระบุเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการโฆษณา
ระบบที่พัฒนาขึ้นและความไว้วางใจของผู้ลงโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้นช่วยให้เราเพิ่มรายได้และทำให้ช่องใน YPP ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในภาพรวม จำนวนช่องใหม่ๆ ที่เข้าร่วม YPP ในปี 2020 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในสหรัฐอเมริกา จำนวนช่อง YouTube ที่สร้างรายได้ถึง 6 หลักหรือมากกว่านั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
การเพิ่มความไว้วางใจต่อครีเอเตอร์ YPP
ครีเอเตอร์ใน YPP มีสิทธิ์เข้าถึงโปรแกรมและผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ควบคุมการสร้างรายได้ของช่องได้มากขึ้น โปรแกรมการรับรองด้วยตนเองจะช่วยครีเอเตอร์จัดประเภทวิดีโอของตนเองตามหลักเกณฑ์สำหรับเนื้อหาที่เป็นมิตรกับผู้ลงโฆษณา โดยระบบของเราจะตรวจสอบการจัดประเภทของครีเอเตอร์ ยิ่งมีความแม่นยำเท่าใด ระบบก็จะใช้ข้อมูลนั้นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเหตุนี้ ครีเอเตอร์ที่จัดประเภทเนื้อหาได้อย่างแม่นยำจึงพบความผิดพลาดของตัวแยกประเภทลดลงมากกว่า 50%
นอกจากนี้ เรายังเปิดตัวกระบวนการ "ตรวจสอบ" ที่คัดกรองการอัปโหลดของครีเอเตอร์โดยอัตโนมัติเพื่อดูว่าเนื้อหานั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดการร้องเรียนการละเมิดลิขสิทธิ์และข้อจำกัดด้านความเหมาะสมในการแสดงโฆษณาบ้างหรือไม่ กระบวนการนี้จะช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจวิธีสร้างรายได้ของวิดีโอและทำการแก้ไขก่อนอัปโหลดหากต้องการ
ความพยายามเหล่านี้ทำให้เนื้อหาส่วนใหญ่ที่อัปโหลดโดยช่องใน YPP เป็นไปตามเกณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้ลงโฆษณาและเหมาะสำหรับผู้ลงโฆษณาทุกราย โดยมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของวิดีโอที่สร้างรายได้โดยครีเอเตอร์ได้รับไอคอนสัญลักษณ์ดอลลาร์สีเหลือง (หมายความว่าจะมีการแสดงโฆษณาแบบจำกัดหรือไม่แสดงเลย) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงโฆษณาและครีเอเตอร์
การช่วยครีเอเตอร์ขยายธุรกิจ
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เราได้ทุ่มเทเพื่อสร้างธุรกิจที่มีบริการหลากหลาย ซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์ YouTube เติบโตและสร้างรายได้จากหลายทาง ตอนนี้เรามีวิธีสร้างรายได้แบบต่างๆ ถึง 10 วิธีสำหรับครีเอเตอร์ เช่น โฆษณา การสมัครสมาชิก เนื้อหาที่มีแบรนด์ การจัดวางสินค้า สินค้าดิจิทัลแบบชำระเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย
เราลงทุนกับเครื่องมือใหม่อย่างต่อเนื่องซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้ไปพร้อมๆ กับเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมได้ เช่น เครื่องมือ Super Thanks ใหม่ เรามีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะสนับสนุนครีเอเตอร์รุ่นใหม่ จึงมอบวิธีอื่นๆ ในการสร้างรายได้ให้แก่ครีเอเตอร์ (ทั้งผู้ที่อยู่ใน YPP และไม่ได้อยู่ใน YPP) เช่น เงินสนับสนุนของ Shorts
เราให้ความสำคัญกับการหาวิธีใหม่ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนทางการเงินแก่ครีเอเตอร์ที่เชื่อถือได้และช่วยให้ธุรกิจของครีเอเตอร์เติบโตขึ้นด้วยอยู่เสมอ
YouTube สร้างขึ้นบนพื้นฐานของความเปิดกว้าง ซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์หลายล้านคนค้นหาแนวคิดและชุมชนได้ อย่างไรก็ตาม เราได้กำหนดเกณฑ์ที่สูงขึ้นสำหรับช่องที่มีสิทธิ์สร้างรายได้บนแพลตฟอร์มของเรา โดยมีแรงจูงใจทุกรูปแบบที่จะจัดการกับเนื้อหาที่เป็นปัญหาบนแพลตฟอร์ม คือไม่ใช่แค่ทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับผู้ชมและครีเอเตอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจด้วย เราจะดำเนินงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบขณะที่พัฒนาโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube ต่อไปโดยเล็งเห็นว่าการลงทุนเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักต่อความสำเร็จด้านรายได้ในอนาคตของครีเอเตอร์ในวงกว้าง
Neal Mohan
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube
Responsibility is good for business and for the creator economy
Millions of creators across the globe use YouTube to find a community, reach a global audience and build a business. In order to protect this vibrant community, we’ve developed a responsibility framework that includes: removing violative content, raising authoritative voices and reducing borderline content, and rewarding trusted creators. As we cross the milestone of two million creators in our monetization program, we’re bringing you behind the scenes of our efforts to help an entirely new creative economy thrive.
Over fourteen years ago, we launched the YouTube Partner Program (YPP), a first-of-its-kind open monetization program, where anyone who qualified could join and start making money. In fact, we share over half of the revenue generated with creators. And today, YPP continues to be one of the largest drivers of the creator economy in the world. Creators who are part of YPP can make money and earn a living from their content on YouTube with ten different monetization features (and we keep adding more), from advertiser revenue to selling merchandise. Over the last three years, we’ve paid more than $30 billion to creators, artists, and media companies.
Now, more than two million creators participate in YPP globally, including many who might not otherwise have had a platform, from tech reviewers to entertainers. And many of these creators are generating jobs and contributing to local and global economies. In 2019 alone, YouTube’s creative ecosystem supported the equivalent of 345,000 full-time jobs, just in the US. This also means that quality content on everything from how to fix a garage door, to music videos, to lectures on advanced physics, are available for free, to audiences around the world.
Protecting the creative economy
This unique business model only works when our viewers, creators and advertisers all have confidence that we are living up to our responsibility as a business. Over the past few years, we’ve been investing in the policies, resources and products needed to protect the community and the vast majority of creators who are producing incredible content, while cracking down on the tiny fraction of bad actors. In fact, in Q4 2020, YouTube’s violative view rate was at 0.16-0.18%, which means that out of every 10,000 views on YouTube, only 16-18 come from violative content. As a result, we’ve seen our focus on responsibility benefit creators and our overall business. In Q2 2021, revenues from YouTube ads crossed $7B and we paid more to YouTube creators and partners than in any quarter in our history.
In addition to our Community Guidelines, creators need to meet an even higher bar to join the YouTube Partner Program and make money on YouTube. Every channel applying to YPP undergoes review by a trained rater to make sure it meets our policies. We also regularly review and remove channels that don’t comply with our policies. For example, we’ve been removing channels from YPP that repeatedly brush up against our hate speech, harassment and misinformation policies.
Since advertising has been at the core of creators’ revenue, we need to ensure that advertisers have faith in our systems and feel comfortable with where their ads appear. Advertisers do not want their brands associated with problematic content and actors, and we’ve seen first-hand that they vote with their feet. When advertisers lack trust in our systems, they scale back their spend on YouTube. This affects the entire ecosystem, not just the very small number of bad actors.
We’ve partnered closely with advertisers to address their feedback, and today we're at least 99% effective at ensuring brand safety for advertisers. As a result, YouTube was the first digital platform to be accredited for content level brand safety by the Media Rating Council. YouTube was also one of the founding members of the Global Alliance for Responsible Media (GARM), a multi-stakeholder initiative to improve digital and brand safety with advertisers. As part of this initiative, we’ve helped establish a set of industry standards to define content not suitable for advertising.
With improved systems and increased advertiser trust, we’re growing the pie and making channels in YPP more successful as a whole. The number of new channels joining YPP in 2020 more than doubled when compared to the year before. And the number of YouTube channels making 6 figures in revenue or more is up more than 35% year over year in the U.S.
Extending our trust in YPP Creators
Creators in YPP have access to programs and products that give them more control over the monetization of their channel. With our Self-Certification program, they can rate their own videos against our advertiser-friendly guidelines. Our systems verify creators’ ratings, and the more accurate they are, the more our system uses their ratings over time. As a result, creators who accurately rate their content have seen a reduction in classifier mistakes by more than 50%.
We’ve also rolled out a new “Checks” process which automatically screens creators’ uploads for potential copyright claims and ad suitability restrictions. This helps creators understand how their videos will monetize and make edits before uploading if they want.
As a result of these efforts, the vast majority of content uploaded by channels in YPP meets the ad-friendly thresholds and is suitable for all advertisers. In fact, just a single digit percent of videos monetized by creators receive a yellow dollar sign icon (meaning they show limited or no ads). This is a win for advertisers and creators alike.
Helping Creators Expand their Business
We continue investing in new tools that help creators earn money while strengthening the relationship with their viewers, such as our new Super Thanks tool. And because we’re deeply committed to supporting the next generation of creators, we also offer other ways for creators (both on YPP and outside of YPP) to make money, such as the Shorts Fund.
Finding new ways to reward trusted creators financially and help them ramp up their businesses will always be a top priority for us.
YouTube is built on the premise of openness, which allows millions of creators to find a voice and a community. However, we set a higher bar for what channels can make money on our platform. We have every incentive to continue to tackle problematic content on our platform: it is not just the right thing for our viewers and creators, it’s also good for business. We’ll continue our responsibility work even as we continue to grow the YouTube Partner Program, and we consider these investments core to the future success of the creator economy at large.
Neal Mohan
Chief Product Officer, YouTube