กระต่ายยุโรป
กระต่ายยุโรป ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Pleistocene–Holocene สมัยไพลสโตซีนถึงปัจจุบัน[2] | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
ชั้น: | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Mammalia |
อันดับ: | อันดับกระต่าย Lagomorpha |
วงศ์: | วงศ์กระต่าย Leporidae |
สกุล: | กระต่ายยุโรป Oryctolagus (Linnaeus, 1758) |
สปีชีส์: | Oryctolagus cuniculus[1] |
ชื่อทวินาม | |
Oryctolagus cuniculus[1] (Linnaeus, 1758) | |
การกระจายพันธุ์: ถิ่นกำเนิด นำเข้า
| |
ชื่อพ้อง | |
Lepus cuniculus Linnaeus, 1758 |
กระต่ายยุโรป หรือ กระต่ายบ้าน (อังกฤษ: European rabbit[3], common rabbit; ชื่อวิทยาศาสตร์: Oryctolagus cuniculus) เป็นกระต่ายพื้นเมืองของแถบยุโรป (สเปน และ โปรตุเกส) และตะวันตกเฉียงเหนือของแอฟริกา (โมร็อกโกและแอลจีเรีย) เป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Oryctolagus ที่ยังสืบเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน แบ่งออกได้เป็นชนิดย่อยต่าง ๆ ได้ 6 ชนิด
จุดกำเนิด
[แก้]กระต่ายยุโรปก็มีจุดเริ่มต้นเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ คือเริ่มจากมนุษย์จับกระต่ายยุโรปมาเลี้ยง แต่ระยะเวลาในการเริ่มต้นนำกระต่ายยุโรปมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์เลี้ยงเศรษฐกิจชนิดอื่น ๆ แล้วนับว่ามีอายุสั้นกว่ามาก ประวัติการเริ่มต้นนำกระต่ายยุโรปมาเลี้ยง พึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีมานี้ โดยเริ่มในยุคต้นของอาณาจักรโรมัน ประมาณ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช (116-27 ก่อนคริสต์ศักราช) กระต่ายยุโรป ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบรอยต่อระหว่างทวีปแอฟริกาหนือและยุโรปตอนใต้ ได้ถูกจับมาเลี้ยงแบบจำกัดเขตตามสวนหรืออุทยานที่มีรั้วหรือกำแพงล้อมรอบแบบกึ่งเลี้ยงกึ่งกระต่ายป่า เพื่อเป็นเกมการล่าสัตว์ของกษัตริย์หรือขุนนาง และเพื่อใช้เป็นอาหารของพวกพระหรือนักบวชชาวโรมันในระหว่างถือบวชก่อน หลังจากนั้นการเลี้ยงกระต่ายก็ค่อย ๆ แพร่หลายไปเรื่อยและมีการพัฒนาขึ้น ทั้งวิธีการเลี้ยงและสายพันธุ์ จากจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงในยุโรปตอนใต้ (แถบสเปนและอิตาลีในปัจจุบัน) กระต่ายยุโรปก็ถูกนำไปเลี้ยงแพร่หลายทั่วยุโรป รวมทั้งข้ามไปถึงเกาะอังกฤษ และในยุคกลาง (ราวกลางศตวรรษที่ 17) พวกนักเดินเรือก็นำกระต่ายติดเรือไปด้วย เพื่อใช้เป็นอาหารในเรือและนำไปปล่อยตามเกาะหรือแผ่นดินใหม่ที่ค้นพบ เพื่อใช้เป็นแหล่งอาหาร จึงทำให้กระต่ายแพร่ขยายพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นสัตว์พื้นบ้านของแต่ละท้องถิ่น ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1859 กระต่ายเพียงไม่กี่คู่ได้ถูกนำไปปล่อยตามชายฝั่งของประเทศออสเตรเลีย และในระยะเวลาอีกประมาณ 30 ปี ต่อมากระต่ายเหล่านั้นก็แพร่ขยายพันธุ์ เพิ่มจำนวนมากมายเป็นหลายสิบล้านตัว เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเหมาะสม มีอาหารเหลือเฟือ และไม่มีศัตรูตามธรรมชาติคอยลดจำนวนประชากร จนกระต่ายกลายเป็นศัตรูสำคัญของการปลูกพืช ที่รัฐบาลออสเตรเลียปัจจุบันต้องค้นคิดหาวิธีการต่าง ๆ มาลดจำนวนกระต่ายในประเทศลง หรืออย่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าใจกันว่ากระต่ายถูกนำติดตัวไปกับกลุ่มผู้อพยพจากยุโรปสมัยแรกเพื่อใช้เนื้อเป็นอาหาร และแม้จะมีรายงานว่ากระต่ายที่นำติดตัวไปจากยุโรป จะแพร่พันธุ์ในสภาพป่าเขาธรรมชาติของทวีปอเมริกาไม่ดีนัก แต่จำนวนกระต่ายในอเมริกาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ในแง่ของการเลี้ยงกระต่าย จึงถือว่ากระต่ายยุโรป เป็นต้นสายพันธุ์ของกระต่ายที่พัฒนามาเป็นกระต่ายเลี้ยงสวยงามต่าง ๆ หลากหลายสายพันธุ์เช่นในปัจจุบัน [4]
ลักษณะทางกายภาพ
[แก้]กระต่ายยุโรปเป็นกระต่ายที่มีขนสีน้ำตาลเทา (บางครั้งอาจมีสีดำ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จัดเป็นกระต่ายขนาดกลาง โดยการจัดมาตรฐาน กระต่ายยุโรปก็ยังจัดอยู่ในช่วง 34 ถึง 50 เซนติเมตร มีน้ำหนักตั้งแต่ 1.1 ถึง 2.5 กิโลกรัม[5] มีหูยาว ขาหลังขนาดใหญ่และ หางสั้นขนปุย เคลื่อนที่โดยการกระโดด ด้วยขาหลังที่ยาวและมีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขาด้านหลังมีช่องว่างภายใน มีขนหนาเพื่อรองรับการกระแทกเมื่อกระโดดอย่างรวดเร็ว เท้าที่ยาวและมีพังผืดเพื่อกระจายแรงขณะกระโดด และมีเปลือกตาหรือหนังตาถึง 3 ชั้น[6]
การดำรงชีวิต
[แก้]เป็นสัตว์สังคม อาศัยในโพรงขนาดย่อม หากินในช่วงเวลาพลบค่ำเป็นส่วนใหญ่ และทำกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อฟ้ามืด เพราะประสิทธิภาพในการมองเห็นของกระต่ายจะลดลงในเวลากลางวัน ส่วนเวลากลางวันนั้นจะไม่ทำกิจกรรมใด ๆ จะอาศัยอยู่ในโพรงที่สร้างไว้ และเพื่อหลบภัยจากศัตรูอีกด้วย
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Hoffman, R.S.; Smith, A.T. (2005). "Order Lagomorpha". ใน Wilson, D.E.; Reeder, D.M (บ.ก.). Mammal Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. pp. 205–206. ISBN 978-0-8018-8221-0. OCLC 62265494.
- ↑ "Fossilworks: Oryctolagus cuniculus". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-02-08. สืบค้นเมื่อ 2024-06-24.
- ↑ 3.0 3.1 Villafuerte, R. & Delibes-Mateos, M. (2020) [errata version of 2019 assessment]. "Oryctolagus cuniculus". IUCN Red List of Threatened Species. 2019: e.T41291A170619657. doi:10.2305/IUCN.UK.2019-3.RLTS.T41291A170619657.en. สืบค้นเมื่อ 17 February 2022.
- ↑ กระต่าย ๑ น.ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
- ↑ Macdonald, D.W.; Barrett , P. (1993). Mammals of Europe. New Jersey: Princeton University Press. ISBN 0-691-09160-9.
{{cite book}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑ Pets 101 : Pet Guide, สารคดีทางอนิมอลพลาเน็ต ทางทรูวิชั่นส์: พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2555
บรรณานุกรม
[แก้]- Barrett-Hamilton, Gerald Edwin Hamilton; Hinton, Martin A. C.; Wilson, Edward Adrian (1910). A history of British mammals, v. 2; pt. 2. London : Gurney and Jackson.
- "Centre National de Ressources Textuelles et Lexicales" [National Center of Textual and Lexical Resources]. CNRTL.fr (ภาษาฝรั่งเศส). 2012.
- Harris, Stephen; Yalden, Derek (2008). Mammals of the British Isles. Mammal Society; 4th Revised edition. ISBN 978-0-906282-65-6.
- Harting, James Edmund; Shand, A. I. (1898). The rabbit; with a chapter on Cookery. London, Longmans.
- Lockley, R. M. (1976). The Private Life of the Rabbit. Readers Union Group of Book Clubs.
- Ognev, Sergei Ivanovich (1962). Mammals of Eastern Europe and Northern Asia, Vol. 4. Israel Program for Scientific Translations.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Oryctolagus cuniculus
- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Oryctolagus cuniculus ที่วิกิสปีชีส์
- View the rabbit genome in Ensembl
- View the oryCun2 genome assembly in the UCSC Genome Browser.