อะเลคเซย์ อันโตนอฟ
อะเลคเซย์ อันโตนอฟ | |
---|---|
ชื่อพื้นเมือง | Алексе́й Инноке́нтьевич Анто́нов |
เกิด | 09 กันยายน ค.ศ. 1896 กรอดโน, จักรวรรดิรัสเซีย |
เสียชีวิต | 16 มิถุนายน ค.ศ. 1962 สหภาพโซเวียต | (65 ปี)
รับใช้ | สหภาพโซเวียต |
แผนก/ | กองทัพ |
ชั้นยศ | พลเอกแห่งกองทัพ |
บังคับบัญชา | มนฑลทหารทรานส์คอเคซัส |
การยุทธ์ | สงครามโลกครั้งที่สอง |
คู่สมรส | Olga Vasiliyevna Lepeshinskaya |
งานอื่น | เสนาธิการกำลังผสมแห่งกติกาสัญญาวอร์ซอ |
อะเลคเซย์ อีนโนเคนต์เยวิช อันโตนอฟ (รัสเซีย: Алексе́й Инноке́нтьевич Анто́нов) เป็นนายพลในกองทัพโซเวียต เขาได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์แห่งชัยสำหรับความพยายามของเขาในสงครามโลกครั้งที่สอง
อันโตนอฟเกิดในครอบครัวเชื้อสาย Kryashen[1][2] ที่เมืองกรอดโน ในฐานะบุตรของเจ้าหน้าที่หหารปืนใหญ่ของกองทัพจักรวรรดิรัสเซีย[3] อันโตนอฟสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยทหารฟรุนเซใน ค.ศ. 1921 และเข้าร่วมกับกองทัพแดงในช่วงสงครามกลางเมืองรัสเซีย เขากลายเป็นครูสอนที่วิทยาลัยทหารฟรุนเซใน ค.ศ. 1938
ใน ค.ศ. 1941 อันโตนอฟกลายเป็นเสนาธิการแนวรบตะวันตกเฉียงใต้และแนวรบใต้ของโซเวียต ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1942 เขาได้ดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการทั่วไปของกองทัพโซเวียตรวมและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการซึ่งมีบทบาทสำคัญในกองบัญชาการสามัญของสหภาพโซเวียต (Stavka)[4] ในความเป็นจริงแล้ว อันโตนอฟเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพของหัวหน้าเจ้าหน้าที่เสนาธิการโซเวียตตั้งแต่เสนาธิการอะเลคซันดร์ วาซีเลฟสกีที่มักจะขาดงานเนื่องจากภารกิจที่แนวหน้าบ่อยครั้งในฐานะตัวแทนของ Stavka ผลที่ตามมาคือ Stavka ช่วยให้อันโตนอฟพ้นในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเพื่อให้อันโตนอฟสามารถมีสมาธิอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้นำในเสนาธิการทั่วไป ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 วาซีเลฟสกีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการแนวรบเบียโลรัสเซียที่ 3 และในที่สุดอันโตนอฟก็กลายเป็นผู้นำเสนาธิการทั่วไปของโซเวียตอย่างเป็นทางการ[5] แม้จะมีบทบาทสำคัญในชัยชนะสูงสุดของกองทัพแดง เขาก็ไม่เคยได้รับตำแหน่งจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต
ใน ค.ศ. 1944 อันโตนอฟรับหน้าที่เป็นหัวหน้าโฆษกในช่วงการประชุมที่กรุงมอสโก, การประชุมที่เมืองยัลตา และ การประชุมที่นครพ็อทซ์ดัม ในการประชุมที่ยัลตาเขาได้กล่าวสรุปแก่พันธมิตรตะวันตกเกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารที่ร่วมมือกัน[6] และเน้นว่าพันธมิตรสามารถช่วยเหลือโซเวียตผ่านสายการสื่อสารที่มีส่วนทำให้เกิดการโจมตีที่นครเดรสเดินได้อย่างไร[7]
หลังสงครามสิ้นสุดลง อันโตนอฟได้เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมนฑลทหารทรานส์คอเคซัส ใน ค.ศ. 1955 เขากลายเป็นหัวหน้าเสนาธิการกำลังผสมแห่งกติกาสัญญาวอร์ซอ เขายังอยู่ในตำแหน่งจนกระทั่งเขาเสียชีวิตใน ค.ศ. 1962[8]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ TatarFact - Татарның бөек улы — армия генералы Антонов Алексей Иннокентьевич เก็บถาวร 2014-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน(รัสเซีย)
- ↑ Генерал армии Алексей Иннокентьевич Антонов(รัสเซีย)
- ↑ [1]
- ↑ R. Overy, Why the Allies Won (2006) p. 332
- ↑ S. M. Shtemenko, Volume 1, p. 220, 225
- ↑ R. Gellately, Stalin's Curse (2013) p. 104
- ↑ Session with British and US Chiefs of Staff at the Yalta Conference, Feb. 5, 1945, FRUS Malta & Yalta, doc. 330
- ↑ R. Overy, Why the Allies Won (2006) p. 333
บรรณานุกรม
[แก้]- Bonn, Keith E. (2005). Slaughterhouse: Handbook of the Eastern Front. Aberjona Press.
- S. M. Shtemenko. The Soviet General Staff. Progress Publisher, Moskva.
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
[แก้]- S. Bialer ed., Stalin's Generals (New York 1969)
- H. Salisbury ed., Marshal Zhukov's Greatest Battles (London 1969)