ปู่ซ่าบ้าพลัง
ปู่ซ่าบ้าพลัง | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | พีต ดอกเตอร์ |
บทภาพยนตร์ |
|
เนื้อเรื่อง |
|
อำนวยการสร้าง | โจนาส์ ริเวรา |
นักแสดงนำ | |
กำกับภาพ |
|
ตัดต่อ | เควิน คอลติง |
ดนตรีประกอบ | ไมเคิล จะคีโน |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์ โมชันพิกเชอส์ |
วันฉาย |
|
ความยาว | 96 นาที[2] |
ประเทศ | สหรัฐ |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] |
ทำเงิน | 735.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
ปู่ซ่าบ้าพลัง (อังกฤษ: Up) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันอเมริกันแนวตลก ดรามา ผจญภัย ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2009 สร้างโดย พิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และจัดจำหน่ายโดย วอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ กำกับโดย พีต ดอกเตอร์ และมี บ็อบ ปีเตอร์สัน เป็นผู้กำกับร่วม ทั้งสองคนเขียนบทภาพยนตร์และเนื้อเรื่องร่วมกับ ทอม แมกคาร์ที ดนตรีประกอบประพันธ์โดย ไมเคิล จะคีโน จาก รวมเหล่ายอดคนพิทักษ์โลก และ ระ-ทะ-ทู-อี่ พ่อครัวตัวจี๊ด หัวใจคับโลก ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของพ่อม่ายสูงอายุ คาร์ล เฟรดริกเซน (เอ็ด แอสเนอร์) และเด็กชายผู้จริงจังชื่อว่า รัสเซล (จอร์แดน นากาอิ) คาร์ลออกเดินทางเพื่อเติมเต็มความฝันของเขาและทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับ เอลลี ภรรยาผู้ล่วงลับ ด้วยการผูกลูกโป่งหลายพันลูกติดไว้กับบ้านของเขาและเดินทางไป อเมริกาใต้
พีต ดอกเตอร์ เริ่มทำงานในส่วนของเนื้อเรื่องเมื่อปี ค.ศ. 2004 โดยใช้ชื่อชั่วคราวว่า ฮีเลียมส์ ซึ่งเขามีแนวคิดมาจากความเพ้อฝันที่ต้องการหลบหนีจากการใช้ชีวิต เมื่อเขารู้สึกว่ามันกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญเกินไป เขาและศิลปินของพิกซาร์จำนวนสิบเอ็ดคน ใช้เวลาสามวันใน เวเนซุเอลา เพื่อรวบรวมงานวิจัยและแรงบันดาลใจ การออกแบบตัวละครเป็นภาพล้อเลียนและมีสไตล์อย่างมากและนักสร้างแอนิเมชันก็ท้าทายกับการสร้างผ้าที่เหมือนจริง
ปู่ซ่าบ้าพลัง เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของพิกซาร์ที่เสนอในรูปแบบ ดิสนีย์ดิจิทัล 3-ดี[4] ภาพยนตร์ฉายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 และเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์สามมิติเรื่องแรกที่เปิดตัวใน เทศกาลภาพยนตร์กาน 2009[5] ภาพยนตร์ทำเงินมากกว่า 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลก โดยนักวิจารณ์ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชันที่ดีที่สุดตลอดกาล[6] การแสดงให้เสียงของแอสเนอร์และดนตรีประกอบโดยจะคีโนได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ เช่นเดียวกับ ภาพของคาร์ลและเอลลีที่เติบโตมาด้วยกันจนแก่ ภาพยนตร์ชนะเลิศ รางวัลออสการ์ สองสาขา ได้แก่ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมและสาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากการเสนอชื่อทั้งหมดห้าสาขา รวมไปถึง สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องที่สองที่ได้รับการเสนอชื่อในสาขานี้ (และเป็นเรื่องแรกของพิกซาร์) เรื่องแรกคือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (1991)[7]
โครงเรื่อง
[แก้]ชาร์ลส์ เอฟ. มันซ์ นักสำรวจผู้มีชื่อเสียง ประกาศว่าเขาค้นพบนกยักษ์สายพันธุ์ใหม่ที่น้ำตกสรวงสวรรค์, อเมริกาใต้ อย่างไรก็ตาม นักโบราณคดีศึกษาโครงกระดูกของนกและสรุปว่ามันซ์เป็นคนประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง มันซ์อับอายขายหน้าและสาบานว่าจะนำตัวอย่างนกที่มีชีวิตกลับมาให้ได้และเขาจะไม่กลับมาจนกว่าเขาจะทำสำเร็จ
คาร์ล เฟรดริกเซน วัยเด็ก พบกับเอลลี ทั้งสองเป็นนักสำรวจโดยมีมันซ์เป็นบุคคลตัวอย่าง ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว เอลลีเปิดเผยว่ากับคาร์ลว่า ความฝันของเธอคือการไปใช้ชีวิตใกล้กับน้ำตกสรวงสวรรค์ ในที่สุดทั้งสองคนก็แต่งงานกันและเก็บเงินเพื่อเป็นค่าเดินทางไปน้ำตกสรวงสวรรค์อยู่หลายครั้ง แต่มักจะใช้จ่ายเงินไปกับความต้องการเร่งด่วนมากขึ้น ในวัยแก่ ในที่สุดคาร์ลก็ซื้อตั๋วสำหรับการเดินทาง แต่เอลลีล้มป่วยและเสียชีวิตก่อนที่พวกเขาจะได้ไปน้ำตกสรวงสวรรค์
คาร์ลยังคงอาศัยอยู่ในบ้านที่เขาและเอลลีช่วยกันซ่อมแซม ไม่ยอมออกไปที่ไหน ในขณะที่พื้นที่ใกล้เคียงรอบตัวเขาถูกแทนที่ด้วยตึกระฟ้า เมื่อเขาทำร้ายคนงานก่อสร้างโดยไม่ได้ตั้งใจ นักพัฒนาที่พยายามซื้อที่ของเขาก็ฉวยโอกาส ศาลเห็นว่าเขาเป็นภัยต่อสาธารณะและสั่งให้เขาย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา อย่างไรก็ตาม คาร์ลตัดสินใจรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับเอลลี หลังจากทำงานมาทั้งชีวิตในฐานะพนักงานขายลูกโป่ง เขาเปลี่ยนบ้านของเขาให้กลายเป็นเรือเหาะชั่วคราว โดยติดลูกโป่งฮีเลียมหลายร้อยลูกเข้ากับบ้านแล้วบินจากไป
รัสเซล นักสำรวจรุ่นเยาว์ผู้พยายามหาทางได้รับตราบำเพ็ญประโยชน์ สำหรับ "ช่วยเหลือผู้สูงอายุ" ติดมากับบ้านของคาร์ลโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่คาร์ลจะขับไล่รัสเซลออกไป พายุเมฆคิวมูโลนิมบัสได้พัดพาพวกเขาไปยังอเมริกาใต้ บ้านของคาร์ลลงจอดที่ตาปุย (ภูเขาโต๊ะ) ตรงข้ามกับน้ำตกสรวงสวรรค์ คาร์ลและรัสเซลมัดตัวเองกับบ้านที่ยังลอยอยู่และเริ่มเดินทางข้ามภูเขา โดยหวังว่าจะไปถึงน้ำตกก่อนที่ลูกโป่งจะยุบ รัสเซลเผชิญหน้ากับนกตัวสูงและมีสีสัน เขาตั้งชื่อให้มันว่า "เควิน" นกตัวดังกล่าวพยายามรวบรวมอาหารให้ลูกของเธอ พวกเขาพบกับสุนัขพันธุ์โกลเดินริทรีฟเวอร์ ชื่อว่า ดัก เขาสวมปลอกคอพิเศษที่ช่วยให้เขาพูดได้และสาบานว่าจะนำนกไปให้เจ้านายของเขา วันต่อมา พวกเขาเผชิญหน้ากับฝูงสุนัขที่ก้าวร้าว (และสวมปลอกคอพิเศษ) นำโดย อัลฟา สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนพินเชอร์ โดยพาทั้งสองคนไปพบกับเจ้านายของพวกสุนัข ก็คือ มันซ์ วัยแก่
มันซ์เชิญชวนให้คาร์ลและรัสเซลขึ้นเรือเหาะของเขา เขาอธิบายให้พวกเขาฟังว่า เขายังคงตามหานกยักษ์ที่เขาสัญญาว่าจะนำกลับมาให้ได้ รัสเซลสังเกตว่านกดังกล่าวคล้ายกับเควินและมันซ์กลายศัตรู หลังคิดว่าพวกเขาพยายามจับนกเพื่อตัวพวกเขาเอง เขายังบอกเป็นนัยว่าเขาได้ฆ่าแขกคนอื่น ๆ ที่เขาสงสัยว่าจะทำแบบเดียวกัน คาร์ลและรัสเซลหลบหนีไปพร้อมกับเควินและดัก แต่เควินได้รับบาดเจ็บ ทำให้มันซ์จับตัวเควิน จากนั้นก็จุดไฟเผาบ้านของคาร์ล ทำให้ลูกโป่งหลายลูกแตก คาร์ลถูกบังคับให้เลือกระหว่างช่วยบ้านหรือเควิน เขาเลือกรักษาบ้านทำให้รัสเซลอารมณ์เสีย ในที่สุด คาร์ลและรัสเซล ก็นำบ้านมาจอดที่น้ำตกสรวงสวรรค์ ขณะที่คาร์ลกำลังดูสมุดปิดภาพในวัยเด็กของเอลลี เขาพบข้อความสุดท้ายของสมุดว่า ขอบคุณเขาสำหรับ "การผจญภัย" และกระตุ้นให้เขาสร้างการผจญภัยใหม่
คาร์ลออกไปข้างนอก พบว่ารัสเซลบินหนีไปเพื่อไปช่วยเควินตัวคนเดียว โดยใช้ลูกโป่งบางส่วนและเครื่องเป่าใบไม้ คาร์ลขนของใช้ของเขาออกจากบ้าน เพื่อทำให้บ้านเบาขึ้นและสามารถทำให้เขาและดักบินตามรัสเซลไป มันซ์จับกุมรัสเซล แต่คาร์ลและดักขึ้นเรือเหาะของมันซ์และปลดปล่อยทั้งรัสเซลและเควิน มันซ์ไล่ล่าพวกเขาไปทั่วเรือเหาะ จนทำให้เควิน, ดักและรัสเซล จนมุมที่บ้านของคาร์ล พวกเขาหลบหนีด้วยการกระโดดขึ้นหลังของเควิน หลังคาร์ลหลอกล่อเควินด้วยช็อคโกแลต มันซ์กระโดดตามพวกเขา แต่เขาติดกับสายบอลลูนบางเส้นทำให้ตกลงไปจนเสียชีวิต บ้านของคาร์ลสูญเสียลูกโป่งมากเกินไป ทำให้ลดระดับลงและหายเข้าไปในเมฆ
คาร์ลและรัสเซลพาเควินไปพบกับลูกของเธออีกครั้ง พวกเขาบินกลับบ้านด้วยเรือเหาะของมันซ์ รัสเซลได้รับตรา "ช่วยเหลือผู้สูงอายุ" และบ้านของคาร์ลลงจอดที่หน้าผาข้างน้ำตกสรวงสวรรค์ เป็นการรักษาสัญญาโดยที่คาร์ลไม่รู้
นักแสดง
[แก้]- เอ็ด เอสเนอร์ เป็น คาร์ล เฟรดริกเซน
- เจเรมี เลียรี เป็น คาร์ล เฟรดริกเซน วัยเด็ก
- จอร์แดน นากาอิ เป็น รัสเซล
- คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ เป็น ชาร์ลส์ เอฟ. มันซ์
- บ็อบ ปีเตอร์สัน ให้เสียง ดัก และ อัลฟา
- พีต ดอกเตอร์ เป็น เควิน และ แคมป์มาสเตอร์ สเตาช์
- เอลิซาเบท ดอกเตอร์ เป็น เอลลี
- เดลรอย ลินโด เป็น เบต้า
- เจอโรม แรนฟ์ต เป็น แกมมา
- จอห์น แรตเซนเบอร์เกอร์ เป็น ทอม
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Up : ปู่ซ่าบ้าพลัง". ไทยรัฐ. thairath.co.th. สืบค้นเมื่อ September 10, 2020.
- ↑ 2.0 2.1 "Up (2009)". Box Office Mojo. Amazon.com. สืบค้นเมื่อ August 20, 2016.
- ↑ Barnes, Brooks (April 5, 2009). "Pixar's Art Leaves Profit Watchers Edgy". The New York Times. สืบค้นเมื่อ April 6, 2009.
- ↑ Wloszczyna, Susan (May 21, 2009). "Pixar moves on 'Up!' with its 10th movie". USA Today. สืบค้นเมื่อ November 22, 2013.
- ↑ Horn, John (March 19, 2009). "Pixar's 'Up!' to open Cannes Film Festival". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ November 22, 2013.
- ↑ Stockdale, Charles. "The 100 best animated movies of all time". USA TODAY.
- ↑ Hazlett, Courtney (February 2, 2010). "Things looking 'Up' for best picture race". Today.com. สืบค้นเมื่อ November 22, 2013.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ
- Pixar website เก็บถาวร 2013-11-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Up ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- Up ที่ออลมูวี
- Up ที่บิกการ์ตูนเดตาเบส
- Up ที่รอตเทนโทเมโทส์
- Up ที่เมทาคริติก
- Up ที่บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจ
- ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2552
- Rotten Tomatoes template using name parameter
- ภาพยนตร์อเมริกัน
- ภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ
- ภาพยนตร์แอนิเมชัน
- ภาพยนตร์โดยพิกซาร์
- ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม รางวัลออสการ์
- ภาพยนตร์ที่มีฉากในประเทศเวเนซุเอลา
- ภาพยนตร์ที่มีฉากในสหรัฐ
- ภาพยนตร์การบิน
- ภาพยนตร์แอนิเมชันเกี่ยวกับมิตรภาพ
- ภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติ
- ภาพยนตร์แอนิเมชันเกี่ยวกับนก
- ภาพยนตร์แอนิเมชันโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์
- บทความเกี่ยวกับ ภาพยนตร์ ที่ยังไม่สมบูรณ์