ข้ามไปเนื้อหา

การ์โล อันเชลอตตี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การ์โล อันเชลอตตี
อันเชลอตตีขณะยังเป็นผู้จัดการทีมไบเอิร์นมิวนิกใน ค.ศ. 2016
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม การ์โล อันเชลอตตี[1]
วันเกิด (1959-06-10) 10 มิถุนายน ค.ศ. 1959 (65 ปี)[2]
สถานที่เกิด เรจโจโล ประเทศอิตาลี[2]
ส่วนสูง 1.79 เมตร (5 ฟุต 10 นิ้ว)[3]
ตำแหน่ง กองกลาง
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
เรอัลมาดริด (ผู้จัดการ)
สโมสรเยาวชน
1973–1975 เรจโจโล
1975–1976 ปาร์มา
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1976–1979 ปาร์มา 55 (13)
1979–1987 โรมา 171 (12)
1987–1992 มิลาน 112 (10)
รวม 338 (35)
ทีมชาติ
1981–1991 อิตาลี 26 (1)
จัดการทีม
1995–1996 เรจจานา
1996–1998 ปาร์มา
1999–2001 ยูเวนตุส
2001–2009 มิลาน
2009–2011 เชลซี
2011–2013 ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง
2013–2015 เรอัลมาดริด
2016–2017 บาเยิร์นมิวนิก
2018–2019 นาโปลี
2019–2021 เอฟเวอร์ตัน
2021– เรอัลมาดริด
เกียรติประวัติ
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

การ์โล อันเชลอตตี (อิตาลี: Carlo Ancelotti; เกิด 10 มิถุนายน ค.ศ. 1959) ชื่อเล่น การ์เลตโต ในอิตาลี และ ดอนการ์โล ในสเปน[4][5] เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอิตาลี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมเรอัลมาดริด ในลาลิกาของประเทศสเปน ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล[6][7][8] เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยพาสโมสรคว้าแชมป์ห้าสมัย (สองสมัยกับเอซีมิลานและสามสมัยกับเรอัลมาดริด) และเป็นผู้จัดการทีมคนเดียวที่ได้คุมทีมได้รอบชิงชนะเลิศรายการดังกล่าวถึงห้าครั้ง

ในฐานะผู้เล่น อันเชลอตตีเคยชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสองสมัยใน ค.ศ. 1989 และ 1990 ส่งผลให้เขาเป็นหนึ่งในเจ็ดคนที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการนี้ทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีม เขายังเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่คุมทีมได้แชมป์ฟุตบอลลีกในการแข่งขันห้าลีกใหญ่ของทวีปยุโรป (เซเรียอา, พรีเมียร์ลีก, ลาลิกา, บุนเดิสลีกา และลีกเอิง)[9] และเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และยูฟ่าซูเปอร์คัพด้วยการคว้าแชมป์สามและสี่สมัยตามลำดับ (ร่วมกับเอซีมิลานและเรอัลมาดริด)[10][11] อันเชลอตตีเริ่มต้นอาชีพในตำแหน่งกองกลางกับปาร์มากัลโช 1913 ช่วยทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่เซเรียบีได้ใน ค.ศ. 1979 และย้ายร่วมทีมโรมาในฤดูกาลต่อมาซึ่งเขาคว้าแชมป์เซเรียอาหนึ่งสมัยและโกปปาอิตาเลียสี่สมัย ก่อนจะย้ายไปเอซีมิลานในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และคว้าแชมป์เซเรียอาและยูฟ่าแชมปเปียนส์ลีกรายการละสองสมัย อันเชลิตตีเคยติดทีมชาติอิตาลี 26 นัดทำได้ 1 ประตู และลงแข่งขันฟุตบอลโลกสองครั้ง อยู่ในชุดคว้าอันดับสามฟุตบอลโลก 1990 รวมทั้งการเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1988

อันเชลอตตีเคยคุมทีมเรจเจียนา 1919 ตามด้วยปาร์มาและยูเวนตุสระหว่าง ค.ศ. 1995 ถึง 2001 และเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเอซีมิลานใน ค.ศ. 2001 ซึ่งถือเป็นสโมสรที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุดในขณะนั้น เริ่มจากการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2002–03 และแชมป์โกปปาอิตาเลีย 2002–03 ในฤดูกาลต่อมา เขาพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 2003–04 ด้วยคะแนนเป็นสถิติ 82 คะแนน สามปีถัดมา เขาพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่สอง อันเชลอตตีได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของเซเรียอาสองครั้ง ก่อนจะอำลาทีมเมื่อจบฤดูกาล 2008–09[12] และไปรับตำแหน่งผู้จัดการทีมเชลซีใน ค.ศ. 2009 โดยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมป์เอฟเอคัพได้ในฤดูกาลแรก ก่อนจะลาทีมใน ค.ศ. 2011 เพื่อไปคุมทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็งและพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงได้เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปีพร้อมกับตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของลีกเอิง หลังจากประสบความสำเร็จเป็นเวลาสองฤดูกาล อันเชลอตตีไปคุมทีมเรอัลมาดริดในลาลิกา และพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่สิบ รวมทั้งแชมป์โกปาเดลเรย์ฤดูกาล 2013–14 จากนั้น เขาไปคุมทีมไบเอิร์นมิวนิก ค.ศ. 2016 และคว้าแชมป์บุนเดิสลิกาได้ในฤดูกาลแรก แต่คุมทีมได้เพียงปีเดียวก็ไปรับตำแหน่งที่นาโปลีและเอฟเวอร์ตันระหว่าง ค.ศ. 2018 ถึง 2021 และกลับมาคุมเรอัลมาดริดเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์สองถ้วยรางวัลใหญ่ในฤดูกาลแรกคือลาลิกา ฤดูกาล 2021–22 และ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รวมทั้งซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา ฤดูกาล 2021–22 ตามด้วยแชมป์อีกสามรายการได้แก่ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2022, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2022 และโกปาเดลเรย์ ฤดูกาล 2022–23

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Comunicato Ufficiale N. 37" [Official Press Release No. 37] (PDF). Lega Serie A. 17 September 2019. p. 6. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 15 January 2021. สืบค้นเมื่อ 6 December 2020.
  2. 2.0 2.1 "Ancelotti: Carlo Ancelotti: Manager". BDFutbol. สืบค้นเมื่อ 28 December 2017.
  3. "Carlo Ancelotti" (ภาษาอิตาลี). SSC Napoli. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 April 2019. สืบค้นเมื่อ 2 November 2018.
  4. Andrews, Connor (5 May 2022). "Ancelotti earns 'Don Carlo' status with incredible week of Champions League records". Talksport. สืบค้นเมื่อ 5 May 2022.
  5. "Sacchi: 'What makes Ancelotti a world class coach'". Football Italia. 19 April 2024. สืบค้นเมื่อ 20 April 2024.
  6. Hayward, Paul (25 May 2015). "Champions League final 2014: Carlo Ancelotti proves he is greatest manager in Europe after Real Madrid's victory". The Daily Telegraph. สืบค้นเมื่อ 20 December 2015.
  7. "Del Piero: 'Ancelotti is the best manager of all time'". Marca. Madrid. 29 July 2014. สืบค้นเมื่อ 26 March 2015.
  8. Kidd, Dave (26 May 2014). "Carlo Ancelotti's third European Cup means he joins Bob Paisley in the unsung hero hall of fame". Daily Mirror. สืบค้นเมื่อ 20 December 2015.
  9. "Carlo Ancelotti's famous five: How Real Madrid La Liga title success completes historic quintet in Europe's major leagues | Sporting News Australia". www.sportingnews.com (ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย). 2022-04-30.
  10. "AC Milan do Europe proud - FIFA.com". web.archive.org. 2015-09-05. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-28. สืบค้นเมื่อ 2023-11-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  11. "FIFA Club World Cup Morocco 2014 - Real Madrid CF-San Lorenzo - Match Report - FIFA.com". web.archive.org. 2014-12-20. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-16. สืบค้นเมื่อ 2023-11-26.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  12. "Carlo Ancelotti". www.magliarossonera.it.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]