การสังหารหมู่ที่ศะบราและชาตีลา
การสังหารหมู่ที่ศะบราและชาตีลา | |
---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ สงครามกลางเมืองเลบานอน | |
อนุสรณ์ในศะบรา บนป้ายแสดงภาพถ่ายร่างของเหยื่อจากการสังหารหมู่บนท้องถนน หนึ่งในนั้นได้รางวัลภาพข่าวโลกแห่งปี[1] | |
สถานที่ | เบรุต ประเทศเลบานอน |
พิกัด | 33°51′46″N 35°29′54″E / 33.8628°N 35.4984°E |
วันที่ | 16–18 กันยายน 1982 |
เป้าหมาย | ศะบราและชาตีลา |
ประเภท | การสังหารหมู่ |
ตาย | 1,300 ถึง 3,500+ |
ผู้เสียหาย | ชาวปาเลสไตน์, ชาวชีอะฮ์เลบานอน |
ผู้ก่อเหตุ | กองกำลังเลบานอน, กองทัพเลบานอนใต้ (โจมตี) กองทัพอิสราเอล (สนับสนุน) |
การสังหารหมู่ที่ศะบราและชาตีลา (อาหรับ: مجزرة صبرا وشاتيلا; ฮีบรู: טבח סברה ושתילה; Sabra and Shatila massacre) ระหว่างวันที่ 16–18 กันยายน ค.ศ. 1982 เป็นเหตุการณ์การสังหารหมู่พลเมือง 1,300 ถึง 3,500 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวปาเลสไตน์และชีอะฮ์เลบานอนในนครเบรุตระหว่างสงครามกลางเมืองเลบานอน โดยมีผู้ก่อเหตุคือกองกำลังเลบานอน ส่วนหนึ่งของกองกำลังกึ่งกองทัพของชาวคริสต์ในเลบานอน และได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ซึ่งเข้าปิดล้อมพื้นที่เขตศะบราและค่ายผู้ลี้ภัยชาตีลาที่อยู่ติดกัน[2]
ในเดือนมิถุนายน 1982 อิสราเอลบุกรุกเข้าเลบานอนโดยวัตถุประสงค์ในการถอนรากถอนโคน PLO และในวันที่ 30 สิงหาคม 1982 ภายใต้การดูแลของ กองกำลังนานาชาติ PLO ถอนตัวออกจากเบรุตไม่นานก่อนการสังหารหมู่นี้จะเกิดขึ้น กองกำลังหลายฝ่าย ทั้งของอิสราเอล เลบานอน และเป็นไปได้ว่ารวมถึงกองทัพเลบานอนใต้ (SLA) ประจำการณ์อยู่ไม่ไกลจากศะบราและชาตีลาในขณะที่เกิดเหตุ และใช้โอกาสที่กองกำลังนานาชาติรื้อถอนเอารั้วและระเบิดทุ่นที่ล้อมรอบย่านชุมชนชาวมุสลิมส่วนใหญ่ของเบรุตออก ทุ่นระเบิดและรั้วกั้นเหล่านี้กั้นไม่ให้กองกำลังอิสราเอลบุกเข้ามาได้ในระหว่างการยึดเบรุต[3] อิสราเอลเดินทางเข้าสู่เบรุตตะวันตกหลัง PLO ถอนกำลังออก และยินยอมให้กองกำลังเลบานอนเข้าบุกรุกบริเวณ แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงของกองกำลังที่ปะทะกันก่อนหน้าบังคับใช้อยู่ก็ตาม[4]
การสังหารพลเมืองเป็นที่เข้าใจว่าอยู่ภายใต้คำสั่งของนักการเมืองชาวเลบานอน เอลี ฮอเบกา ผู้ซึ่งครอบครัวและคู่หมั้นถูกกองกำลังปาเลสไตน์และกองกำลังกึ่งกองทัพเลบานอนฝ่ายซ้ายฆาตกรรมระหว่างการสังหารหมู่ดามัวร์ในปี 1976 ซึ่งเป็นการตอบโต้การสังหารหมู่การันตีนาที่กองกำลังคริสต์สังหารชาวปาเลสไตน์และชีอะฮ์เลบานอน[5][6][7][8] มีทหารรวม 300 ถึง 400 คน ที่มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่[9] ขณะเกิดการสังหารหมู่ IDF ได้รับรายงานถึงความเลวร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น กระนั้นไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อหยุดยั้งการกระทำเหล่านี้[10] แต่กลับสั่งการให้ทหารประจำการตามจุดทางเข้าออกต่าง ๆ ของพื้นที่ เพื่อกั้นไม่ให้ผู้อยู่อาศัยของศะบราและชาตีลาหลบหนีออกได้[11] ว่ากันว่าแสงวาบจากพลุแฟลร์ขณะก่อสังหารผู้อยู่อาศัยในศะบราและชาตีลาจุดให้ค่ำคืนของการสังหารหมู่สว่างไปด้วยแสงไฟ[12][13]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "1982, Robin Moyer, World Press Photo of the Year, World Press Photo of the Year". archive.worldpressphoto.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 July 2012. สืบค้นเมื่อ 16 August 2015.
- ↑ Fisk 2001, pp. 382–383 ; Quandt 1993, p. 266 ; Alpher 2015, p. 48 ; Gonzalez 2013, p. 113
- ↑ Hirst 2010, p. 154.
- ↑ Anziska, Seth (17 September 2012). "A Preventable Massacre". The New York Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 August 2014. สืบค้นเมื่อ 21 July 2022.
- ↑ Mostyn, Trevor (2002-01-25). "Obituary: Elie Hobeika". The Guardian. guardian.co.uk. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 November 2017. สืบค้นเมื่อ 16 August 2015.
- ↑ Friedman 1982 . Also articles in The New York Times on the 20, 21, and 27 September 1982.
- ↑ Harris, William W. (2006). The New Face of Lebanon: History's Revenge. Markus Wiener Publishers. p. 162. ISBN 978-1-55876-392-0. สืบค้นเมื่อ 27 July 2013.
the massacre of 1,500 Palestinians, Shi'is, and others in Karantina and Maslakh, and the revenge killings of hundreds of Christians in Damour
- ↑ Hassan, Maher (24 January 2010). "Politics and war of Elie Hobeika". Egypt Independent. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 January 2023. สืบค้นเมื่อ 29 December 2012.
- ↑ Bulloch, John (1983). Final Conflict: The War in Lebanon. Century London. p. 231. ISBN 0-7126-0171-6.
- ↑ Malone, Linda A. (1985). "The Kahan Report, Ariel Sharon and the Sabra Shatilla Massacres in Lebanon: Responsibility Under International Law for Massacres of Civilian Populations". Utah Law Review: 373–433. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 April 2023. สืบค้นเมื่อ 1 January 2013.
- ↑ Hirst 2010, p. 157: "The carnage began immediately. It was to continue without interruption till Saturday noon. Night brought no respite; the Lebanses Forces liaison officer asked for illumination and the Israelis duly obliged with flares, first from mortars and then from planes."
- ↑ Friedman, Thomas (1995). From Beirut to Jerusalem. Macmillan. p. 161. ISBN 978-0-385-41372-5.
From there, small units of Lebanese Forces militiamen, roughly 150 men each, were sent into Sabra and Shatila, which the Israeli army kept illuminated through the night with flares.
- ↑ Cobban, Helena (1984). The Palestinian Liberation Organisation: people, power, and politics. Cambridge University Press. p. 4. ISBN 978-0-521-27216-2.
and while Israeli troops fired a stream of flares over the Palestinian refugee camps in the Sabra and Shatila districts of West Beirut, the Israeli's Christian Lebanese allies carried out a massacre of innocents there which was to shock the whole world.