การฉ้อโกงเป็นความกังวลที่กำลังเพิ่มขึ้นสําหรับธุรกิจทุกขนาด และอาจก่อให้เกิดการสูญเสียทางการเงินอย่างมีนัยสําคัญ การฉ้อโกงบัตรเครดิตขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในรายงานของคณะกรรมการการค้าแห่งรัฐบาลกลาง (FTC) ล่าสุดที่ติดตามการโจรกรรมอัตลักษณ์ในรูปแบบต่งๆ ในปี 2021 หน่วยงานนี้ได้รับรายงานการฉ้อโกงจากลูกค้าถึง 2.8 ล้านรายการ โดยพบว่าการฉ้อโกงที่รายงานนั้นเพิ่มกว่า 70% โดยมีรายงานว่าการสูญเสียรวมกันเป็นมูลค่ากว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การศึกษาวิจัยของ Juniper พบว่าการสูญเสียอันเป็นผลมาจากการฉ้อโกงในอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นจาก 17.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 เป็นกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้น 18% ในช่วงหนึ่งปี แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเหล่านี้ แต่บริษัทก็อาจดําเนินการเพื่อลดความเสียหายจากการฉ้อโกงได้
ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับการฉ้อโกงจากบัตรเครดิต รวมถึงวิธีที่จะส่งผลเสียต่อธุรกิจและลูกค้า รวมถึงวิธีใช้เทคโนโลยีมารับมือกับการฉ้อโกง
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การฉ้อโกงการชําระเงินคืออะไร
- ประเภทการฉ้อโกงในการชําระเงิน
- การฉ้อโกงการชําระเงินเทียบกับการฉ้อโกงที่เป็นมิตร
- การฉ้อโกงการชําระเงินเกิดขึ้นได้อย่างไร
- วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการฉ้อโกงการชําระเงิน
- วิธีตรวจจับการฉ้อโกงการชําระเงินเมื่อเกิดขึ้น
- วิธีเลือกโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงการชําระเงิน
การฉ้อโกงการชําระเงินคืออะไร
การฉ้อโกงการชําระเงินคือการที่บุคคลใช้ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่ขโมยมาในการซื้อสินค้าหรือบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัตร ทําให้เจ้าของบัตรต้องรับผิดชอบเงินที่เรียกเก็บ การฉ้อโกงการชําระเงินเป็นปัญหาทั่วโลกและคาดว่าจะส่งผลให้มีการสูญเสีย 408 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 ปีข้างหน้า
ประเภทการฉ้อโกงในการชําระเงิน
การฉ้อโกงการชําระเงินมีหลายประเภท โดยอาจแบ่งออกเป็น 2 หมวดหมู่กว้างๆ โดยแยกตามต้นตอของการฉ้อโกง
- การฉ้อโกงที่มีการแสดงบัตร (CP): การฉ้อโกงประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อทําธุรกรรมโดยใช้บัตรใบจริงที่จุดขาย ในกรณีเหล่านี้ มิจฉาชีพมีกรรมสิทธิ์ในบัตรใบตัวจริงหรือบัตรปลอมที่มิชอบด้วยกฎหมาย และนําไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการที่จุดขายซึ่งไม่ได้รับอนุมัติจากเจ้าของบัตรที่ถูกต้อง
- การฉ้อโกงที่ไม่ได้แสดงบัตร (CNP): การฉ้อโกงประเภทนี้หมายถึงการซื้อออนไลน์ที่ไม่จําเป็นต้องใช้บัตรใบจริง ในการซื้อที่ไม่ต้องแสดงบัตร มิจฉาชีพเพียงต้องมีข้อมูลบัตรเท่านั้น ซึ่งรวมถึงหมายเลขบัตร วันหมดอายุ และรหัส CVV การซื้อแบบไม่ต้องแสดงบัตรยังรวมถึงธุรกรรมทางไปรษณีย์หรือโทรศัพท์ด้วย แต่มักไม่ค่อยพบ
การฉ้อโกงการชําระเงินเทียบกับการฉ้อโกงที่เป็นมิตร
การฉ้อโกงที่เป็นมิตร หรือที่เรียกว่า "การละเมิดโดยบุคคลที่หนึ่ง" คือคำที่อธิบายเกี่ยวกับธุรกรรมของบัตรที่เจ้าของบัตรระบุว่าเป็นการฉ้อโกง แม้ว่าเจ้าของบัตรจะเป็นผู้ดําเนินการเรียกเก็บเงินก็ตาม จากข้อมูลของ Merchant Risk Council 62% ของธุรกิจรายงานว่าการฉ้อโกงที่เป็นมิตรเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2022 การฉ้อโกงที่เป็นมิตรเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งได้แก่
เจ้าของบัตรจําการเรียกเก็บเงินนี้ไม่ได้
หากการเรียกเก็บเงินผูกอยู่กับการซื้อที่ถูกต้องซึ่งเจ้าของบัตรอนุมัติ และรายการในใบแจ้งยอดบัตรไม่ตรงกับการซื้ออย่างชัดเจน ลูกค้าอาจโต้แย้งการเรียกเก็บเงินแทนที่จะเจาะลึกลงไปดูข้อมูล ด้วยเหตุนี้ การเขียนชื่อผู้ค้าในรายการเดินบัญชีอย่างรอบคอบจึงเป็นเครื่องมือสําคัญในการป้องกันการดึงเงินคืนลูกค้าเสียดายที่ทำการซื้อ
สถานการณ์นี้เรียกว่า "การฉ้อโกงที่เป็นมิตรจากการฉวยโอกาส" ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของบัตรไม่ต้องการจ่ายค่าสินค้าที่ซื้อแล้ว เนื่องจากพวกเขาไม่พอใจกับสินค้าหรือบริการที่ได้รับ หรือเพียงแค่เสียดายที่ใช้เงินไป เมื่อโต้แย้งการเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิต เจ้าของบัตรหวังว่าจะใช้ประโยชน์จากนโยบาย "ไม่รับผิด" ซึ่งผู้ออกบัตรหลายรายจะไม่ต้องจ่ายสําหรับการเรียกเก็บเงินที่เป็นการฉ้อโกงซึ่งดําเนินการโดยใช้บัตรของตนการเรียกเก็บเงินที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตัวอย่างของ "การละเมิดโดยบุคคลที่หนึ่ง" ประเภทนี้คือเมื่อมีคนซื้อสินค้าภายในแอปหรือซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์การประมูลออนไลน์โดยไม่ได้ตั้งใจ กรณีอื่นๆ ได้แก่ การเรียกเก็บเงินที่เกิดซ้ําโดยไม่ได้ตั้งใจหรือการซื้อที่เกิดขึ้นเนื่องจากข้อผิดพลาด เนื่องจากขั้นตอนการชําระเงินของผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซสร้างความสับสนลูกค้าต้องการหลีกเลี่ยงขั้นตอนการคืนสินค้า
การฉ้อโกงที่เป็นมิตรเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงขั้นตอนการคืนสินค้าและหลีกเลี่ยงการติดต่อกับแผนกบริการลูกค้าที่เป็นปัญหาของธุรกิจได้
การฉ้อโกงการชําระเงินเกิดขึ้นได้อย่างไร
เนื่องจากการฉ้อโกงการชําระเงินประกอบด้วยธุรกรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัตร จึงมีสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากมาย ตัวอย่างเช่น
- มิจฉาชีพขโมยกระเป๋าเงิน จากนั้นใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่อยู่ในนั้นเพื่อซื้อสินค้า ซึ่งรวมถึงเมื่อมิจฉาชีพใช้บัตรที่เพิ่งได้รับมาใหม่กับผู้ค้าปลีกเพื่อ "ทดสอบ" และทำให้แน่ใจว่ายังไม่ได้ถูกรายงานว่าถูกขโมย
- พนักงานร้านค้าเก็บข้อมูลบัตรของลูกค้าไว้หลังจากที่ลูกค้าซื้อสินค้าอย่างถูกต้อง จากนั้นจะใช้ข้อมูลบัตรดังกล่าวในการซื้อที่เป็นการฉ้อโกง
- เจ้าของบัตรสั่งซื้อและได้รับผลิตภัณฑ์ อ้างว่ายังไม่ได้รับ และขอเงินคืน (เจ้าของบัตรอาจขายสินค้าไป)
- มิจฉาชีพสร้างตัวเลขที่สร้างขึ้นโดยอัลกอริทึมหลายพันรายการเพื่อความหวังที่จะหาหมายเลขบัตรเครดิตที่ถูกต้อง เรียกว่า "การโจมตี BIN"
- อาชญากรสร้างร้านค้าออนไลน์ปลอมที่มีส่วนลดเกินจริง จากนั้นใช้ข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าเพื่อยืนยันการซื้อที่เป็นการฉ้อโกงในอนาคต
- มิจฉาชีพแฮ็กบัญชีออนไลน์ของลูกค้าเพื่อซื้อสินค้า ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตที่เก็บไว้ หรือขายต่อสิทธิ์เข้าถึงบัญชี
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของการฉ้อโกงการชําระเงิน ขอบเขตและกลไกการฉ้อโกงการชําระเงินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนวิธีที่เราจัดการธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและปกป้องข้อมูลการชําระเงินจากการถูกขโมย กลยุทธ์ของมิจฉาชีพก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ธุรกิจไม่เพียงต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการฉ้อโกงเท่านั้น แต่ยังต้องใช้มาตรการที่รอบคอบซึ่งป้องกันไม่ให้เกิดการฉ้อโกงขึ้นตั้งแต่แรกด้วย
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการฉ้อโกงการชําระเงิน
เมื่อคุณต่อสู้กับการฉ้อโกง แม้แต่มาตรการพื้นฐานก็อาจมีผลได้ ต่อไปนี้คือขั้นตอนบางส่วนที่คุณทําได้เพื่อป้องกันการฉ้อโกงให้กับธุรกิจของคุณ
1. สื่อสารอย่างชัดเจนและบ่อยครั้ง
อัปเดตสถานะคําสั่งซื้อของลูกค้าเป็นประจําและแก้ไขปัญหาทันทีเพื่อลดการโต้แย้งการชําระเงิน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของคุณได้ง่าย
2. สร้างนโยบายที่โปร่งใส
รวมนโยบายการคืนเงินและการยกเลิกโดยละเอียดไว้ในข้อกําหนดการให้บริการของคุณและตรวจสอบให้มั่นใจว่าจะค้นหานโยบายเหล่านี้ได้ง่าย ลูกค้าต้องตกลงยอมรับก่อนทําการซื้อ วิธีนี้ช่วยป้องกันการโต้แย้งการชําระเงินและจะได้รับการเคารพจากผู้ออกบัตร
3. ระบุรายละเอียดการขนส่งและการจัดส่ง
เมื่อจัดส่งสินค้าที่จับต้องได้ โปรดใช้บริการที่มีการยืนยันการจัดส่งและการติดตามทางออนไลน์ แจ้งรายละเอียดเหล่านี้ต่อลูกค้าโดยเร็วที่สุด วิธีนี้จะช่วยป้องกันการโต้แย้งการชําระเงินและการอ้างที่เป็นการฉ้อโกงได้
4. ตั้งชื่อผู้ค้าในรายการเดินบัญชีที่คนจดจําได้
ตรวจสอบว่าชื่อที่ปรากฏในรายการเดินบัญชีธนาคารและบัตรของลูกค้าสามารถระบุว่าเป็นธุรกิจของคุณได้ง่าย การทําเช่นนี้จะช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะโต้แย้งการเรียกเก็บเงินเนื่องจากจําชื่อดังกล่าวไม่ได้
5. รักษาบัญชีแยกสําหรับธุรกิจหลายๆ อย่าง
หากคุณมีธุรกิจหลายอย่าง ธุรกิจแต่ละอย่างควรมีบัญชี Stripe เป็นของตัวเอง วิธีนี้ช่วยให้แยกแยะชื่อผู้ค้าในรายการเดินบัญชีและข้อมูลติดต่อได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนและเกิดการโต้แย้งการชําระเงิน
6. ออกเงินคืนในเชิงรุก
หากคุณสงสัยว่าการชําระเงินเป็นการฉ้อโกง คุณควรออกเงินคืนในเชิงรุก ซึ่งอาจป้องกันการโต้แย้งการชําระเงินที่อาจเกิดขึ้นและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียผลิตภัณฑ์ได้ อย่างไรก็ตาม โปรดอย่าลืมหาจุดสมดุลในการตัดสินใจนี้กับสถานการณ์เฉพาะของธุรกิจคุณ
7. ชะลอเวลาจัดส่งเมื่อจําเป็น
หากเป็นไปได้ ให้ลองเลื่อนการจัดส่งสินค้าที่จับต้องได้ออกไปสัก 24-48 ชั่วโมง วิธีนี้ช่วยให้เจ้าของบัตรระบุกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้
8. ยืนยันที่อยู่สําหรับจัดส่ง
จัดส่งไปยังที่อยู่ในการเรียกเก็บเงินที่ยืนยันแล้วซึ่งผ่านการตรวจสอบรหัสไปรษณีย์และที่อยู่จริง ในกรณีที่มีการโต้แย้งการชําระเงิน ข้อมูลนี้จะช่วยพิสูจน์ว่ามีการจัดส่งสินค้าของคําสั่งซื้อนี้ไปให้เจ้าของบัตรที่ถูกต้อง
9. ติดตามตรวจสอบอัตราการโต้แย้งการชําระเงิน
ตรวจสอบอัตราการโต้แย้งการชําระเงินของคุณเป็นประจําเพื่อประเมินประสิทธิภาพของวิธีการโต้แย้งการชําระเงินและการป้องกันการฉ้อโกง คุณสามารถใช้เมตริกที่มีอยู่ในแดชบอร์ด Stripe เพื่อติดตามข้อมูลนี้
10. ระวังคําขอจัดส่งแบบเร่งด่วน
ลูกค้าที่ส่งคําขอจัดส่งแบบข้ามคืนหรือแบบเร่งด่วนอาจเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากมิจฉาชีพต้องการให้จัดส่งสินค้าโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มีเวลาที่จะถูกจับได้น้อยลง ไม่ใช่คําขอสําหรับการจัดส่งแบบเร่งด่วนทุกรายการจะเป็นผลมาจากการฉ้อโกง แต่ควรมีขั้นตอนการทํางานที่ควบคุมคําขอเหล่านี้เป็นพิเศษ
11. แจ้งและตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย
ตื่นตัวเมื่อมีสัญญาณของกิจกรรมที่น่าสงสัย เช่น คําสั่งซื้อจํานวนมากผิดปกติ ลูกค้าเปลี่ยนที่อยู่สําหรับจัดส่งหลังการซื้อ คําขอจัดส่งแบบเร่งด่วน สินค้าที่มีมูลค่าในการขายต่อสูง หรือที่อยู่สําหรับจัดส่งและสำหรับเรียกเก็บเงินไม่ตรงกัน ตรวจสอบคําสั่งซื้อดังกล่าวอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาว่าถูกต้องหรือไม่
12. ยืนยันรหัสไปรษณีย์สําหรับการเรียกเก็บเงิน
ยืนยันรหัสไปรษณีย์สําหรับการเรียกเก็บเงินของลูกค้ากับรหัสไปรษณีย์ที่เชื่อมโยงกับบัตรที่พวกเขาพยายามใช้ ผู้ออกบัตรบางรายอาจกําหนดให้ต้องดําเนินการนี้ แต่ก็เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีสําหรับธุรกิจที่รับการชําระเงินผ่านบัตร สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการยืนยันที่อยู่ (AVS) โปรดอ่านบทความของเราในหัวข้อนี้
นอกจากนี้คุณยังจะได้ประโยชน์จากการใช้บริการป้องกันการฉ้อโกงผ่านผู้ให้บริการโซลูชันการชําระเงิน Stripe Radar มอบระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ โดยไม่จําเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อตั้งค่าและใช้งาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันการฉ้อโกงสามารถเพิ่ม Radar for Fraud Teams เพื่อปรับแต่งการปกป้องและรับข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียดยิ่งขึ้นได้ Radar จะตรวจจับและบล็อกการฉ้อโกงด้วยแมชชีนเลิร์นนิงซึ่งใช้ข้อมูลจากบริษัทหลายล้านแห่งทั่วโลกเพื่อแยกมิจฉาชีพออกจากลูกค้าตัวจริง เนื่องจากการฉ้อโกงการชําระเงินนั้นแพร่หลายและมีแต่จะพัฒนากลเม็ดให้ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ โซลูชันป้องกันการฉ้อโกงของธุรกิจจึงต้องออกแบบมาเพื่อตามให้ทัน
วิธีตรวจจับการฉ้อโกงการชําระเงินเมื่อเกิดขึ้น
คุณอาจระบุการฉ้อโกงไม่ได้เสมอไป และมีธุรกรรมจำนวนมากที่ในตอนแรกดูน่าสงสัยแต่กลับกลายเป็นธุรกรรมที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้เป็นสัญญาณเตือนที่พบบ่อย
- รหัสไปรษณีย์สําหรับการเรียกเก็บเงินที่ไม่ตรงกับบัญชีบัตร
- การปฏิเสธบัตร
- ลูกค้าขอให้คุณประมวลผลการชําระเงินมูลค่าสูงผ่านธุรกรรมบัตรจำนวนน้อยๆ หลายรายการผ่านบัตรเครดิตหลายใบ
- ธุรกรรมหลายรายการที่ประมวลผลต่อกันอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ จากผู้ซื้อรายเดียวกัน
- คําขอผิดปกติที่ให้จัดส่งเร่งด่วนสําหรับคําสั่งซื้อจำนวนมากจากผู้ซื้อรายใหม่
ขั้นตอนเดียวที่สร้างผลลัพธ์ได้มากที่สุดในการปกป้องธุรกิจของคุณก็คือการใช้โซลูชันป้องกันการฉ้อโกง เช่น Stripe Radar ที่จะรายงานธุรกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกง ด้วยการใช้แมชชีนเลิร์นนิงซึ่งอิงจากข้อมูลจากธุรกรรมหลายพันล้านรายการทั่วโลก อัลกอริทึมที่ขับเคลื่อนโซลูชันเหล่านี้จะพิจารณาวิธีและสถานที่ที่คุณทําธุรกิจ ลูกค้าของคุณ และกิจกรรม "ผิดปกติ" สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมของคุณโดยเฉพาะ
คู่มือการลดการฉ้อโกงของคุณควรมีขั้นตอนต่างๆ ที่เริ่มต้นเมื่อมีการแจ้งว่าธุรกรรมอาจเป็นการฉ้อโกง แม้ผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงินและบริษัทผู้ออกบัตรของคุณจะเป็นผู้ตรวจสอบปัญหา แต่ก็มีการดําเนินการที่คุณสามารถทําได้ เช่น การหยุดดําเนินการตามคําสั่งซื้อดังกล่าวไว้ชั่วขณะและติดต่อลูกค้าเพื่อแจ้งเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
วิธีเลือกโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงการชําระเงิน
การเลือกโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงการชําระเงินที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างการอัปเกรดประสบการณ์การใช้งานผู้ประมวลผลการชําระเงินที่มีอยู่เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดที่มี บริษัทหลายแห่งรวมถึง Stripe จะตรวจจับการฉ้อโกงการชําระเงินด้วยบัตรในเชิงรุกก่อนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องเจอกับการเรียกเก็บเงินที่เป็นการฉ้อโกงตั้งแต่แรก นอกจากนี้ ขั้นตอนเชิงรุกดังกล่าวยังช่วยปกป้องชื่อเสียงของคุณต่อบริษัทผู้ออกบัตรและธนาคารซึ่งจะดําเนินการกับบัญชีของคุณหากมีการดึงเงินคืนหรือการชําระเงินที่หยุดลงถึงจำนวนที่จัดการไม่ได้
เมื่อพิจารณาเลือกผู้ประมวลผลการชําระเงิน ให้ลองถามตัวเองว่าต้องการใช้ฟีเจอร์ใดต่อไปนี้บ้าง
การตรวจสอบการชําระเงินอัตโนมัติ
การเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตแต่ละรายการควรผ่านการตรวจสอบอัตโนมัติบางระดับ โดยอาจจะเป็นการจับคู่รหัสไปรษณีย์ระหว่างบัตรกับที่อยู่ในการเรียกเก็บเงิน หรือการขอรหัส CVV ในธุรกรรมทุกรายการ ขั้นตอนนี้จะจับการเรียกเก็บเงินที่เป็นการฉ้อโกงที่เห็นได้ชัด
นอกจากนี้ แดชบอร์ดการประมวลผลการชําระเงินของคุณควรแจ้งเตือนเมื่อมีการทำเครื่องหมายธุรกรรมว่าเป็นการฉ้อโกง เพื่อให้คุณสามารถดําเนินการเพื่อลดการเรียกเก็บเงินจากบัตรหรือผู้ซื้อรายเดียวกันได้ ในทางปฏิบัติ ผู้ค้าปลีกไม่สามารถคัดกรองธุรกรรมทุกรายการด้วยตนเองได้ อย่างน้อย ตัวเลือกโซลูชันการชําระเงินของคุณควรมีพารามิเตอร์เพื่อจับการชําระเงินที่เป็นการฉ้อโกงที่เห็นได้ชัด
แมชชีนเลิร์นนิง
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลต่อเทคโนโลยีธุรกิจหลายด้านในปัจจุบัน และเป็นเรื่องที่ดีสำหรับการตรวจจับการฉ้อโกง AI จะเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลผ่านแมชชีนเลิร์นนิง จากนั้นจะตรวจจับรูปแบบต่างๆ เพื่อคาดการณ์ลักษณะการชําระเงินที่เป็นการฉ้อโกงในอนาคต
ตอนนี้แมชชีนเลิร์นนิงถือเป็นองค์ประกอบมาตรฐานของการตรวจจับการฉ้อโกงในการชําระเงินออนไลน์ขั้นสูง ผู้ค้าปลีกหลายๆ รายควรมองหาความสามารถของแมชชีนเลิร์นนิงเมื่อพิจารณาวิธีเอาชนะอาชญากรที่มีการเปลี่ยนแปลงกลวิธีอยู่เสมอ
การป้องกันการฉ้อโกง
เมื่อสงสัยว่าเกิดการฉ้อโกง อาจมีแนวโน้มว่าการดึงเงินคืนจะเกิดขึ้น ซึ่งทําให้ธุรกิจมีความเสี่ยง เนื่องจากอาจสูญเสียสองต่อจากสินค้าที่ไม่ได้อยู่กับตัวอีกต่อไปแล้วและการปรับคืนการชำระเงิน นอกจากนี้ยังอาจมีค่าปรับ บริการตรวจสอบสิทธิ์สามารถโอนความรับผิดจากคุณไปให้บริษัทผู้ออกบัตร ช่วยคุณแก้ไขปัญหากระแสเงินสดที่เกิดจากมิจฉาชีพที่ฉวยประโยชน์จากเจ้าของบัตรและธุรกิจได้
การคุ้มครองที่ออกแบบเอง
ธุรกิจแต่ละแห่งก็มีความเสี่ยงที่จะถูกฉ้อโกงแตกต่างกันไป ธุรกิจออนไลน์มีแนวโน้มที่จะประสบกับแผนการชําระเงินแบบไม่ต้องใช้บัตร และผู้ค้าปลีกแบบมีหน้าร้านอาจมีความปลอดภัยภัยจากแฮ็กเกอร์ที่พยายามส่งคำสั่งซื้อหลายพันรายการพร้อมกัน
ในทางกลับกัน การชําระเงินที่จุดขายที่ใช้บัตรใบจริงมีแนวโน้มที่จะต้องมีการยืนยันเพิ่มเติมน้อยกว่าการชําระเงินออนไลน์ Stripe Terminal มอบระบบป้องกันการฉ้อโกงที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินที่จุดขาย โดยสามารถรับการชําระเงินแบบไร้สัมผัสและชิป EMV ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่าการรูดบัตรผ่านแถบแม่เหล็ก Terminal ยังมาพร้อมมาตรฐานการเข้ารหัสแบบต้นจนจบ รวมทั้งตัวเลือกในการอัปเกรดเป็นการเข้ารหัสแบบจุดต่อจุด (P2PE) เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม
ความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรม โดยบริษัทด้านการเล่นเกมออนไลน์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างจากผู้ขายสินค้าอุปโภคบริโภคออนไลน์หรือผู้ผลิตสินค้าด้านสุขภาพ เนื่องจากความต้องการแตกต่างกันไป โซลูชันที่คุณเลือกควรสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ไม่เหมือนใครเหล่านี้
ผู้ประมวลผลบัตรที่มีระดับความเสี่ยงแบบเหมารวมทุกธุรกิจอาจใช้ไม่ได้กับธุรกิจบางอย่าง และอาจไม่มีประสิทธิภาพกับบริษัทในช่วงที่มีลูกค้ามากเป็นพิเศษ เช่น ช่วงวันหยุดเทศกาล มองหาผู้ประมวลผลที่เข้าใจความเสี่ยงในอุตสาหกรรมของคุณและบริษัทของคุณ และรับฟังข้อกังวลของคุณ โซลูชันป้องกันการฉ้อโกงที่ดีที่สุดจะช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์สําหรับลูกค้าที่ราบรื่นไปพร้อมๆ กับการป้องกันเพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้าของคุณ ตัวอย่างเช่น Stripe ประเมินระดับความเสี่ยง ความต้องการ และช่องโหว่ของธุรกิจแต่ละแห่งที่รองรับ เพื่อให้แน่ใจว่ามีมาตรการป้องกันที่เป็นไปได้ทั้งหมด
พารามิเตอร์แบบบริการตัวเอง
ผู้ค้าปลีกควรมีอํานาจควบคุมการฉ้อโกงให้ได้มากที่สุด เมื่อสร้างโปรโตคอลการฉ้อโกงของคุณเอง คุณจะสามารถกําหนดการดําเนินการเมื่อการเรียกเก็บเงินมีความน่าสงสัยและสร้างพารามิเตอร์ที่จะช่วยคุณและทีมแก้ไขปัญหาในอนาคตได้ ผู้ประมวลผลบัตรควรอนุญาตให้คุณเพิ่มที่อยู่ IP, หมายเลขบัตร และแม้แต่อีเมลในรายการที่บล็อก พร้อมทั้งบล็อกการชําระเงินที่คุณเห็นว่าน่าสงสัยด้วยตนเอง หากคุณสังเกตเห็นแนวโน้มเดิมๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป คุณควรอัปเดตพารามิเตอร์ให้สอดคล้องกันเพื่อลดงานให้กับคุณและผู้ประมวลผลบัตรในอนาคต การจัดการธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงจะง่ายขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
การลดการฉ้อโกงสร้างชัยชนะที่วัดได้
การป้องกันธุรกิจจากการฉ้อโกงหมายถึงการให้ความรู้ตัวเองเกี่ยวกับความเป็นจริงของการฉ้อโกงการชําระเงินด้วยบัตร จากนั้นจึงรับมือกับการฉ้อโกงอย่างรวดเร็วในเชิงรุก การเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ประมวลผลการชําระเงินผ่านบัตรที่เหมาะสม เช่น Stripe จะช่วยให้คุณลดจํานวนการเรียกเก็บเงินที่เป็นการฉ้อโกงโดยรวมลง และยังเป็นประโยชน์ต่อบริษัทผู้ออกบัตรและมอบความปลอดภัยให้ธุรกิจของคุณด้านกระแสเงินสดที่จําเป็นต่อความอยู่รอดในช่วงเวลาทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ