i’ll try to fix you

10/10
3 min readApr 12, 2017

--

20170407 #ColdplayBangkok

brief review: คอนเสิร์ตที่ทำให้เราพร้อมให้อภัย coldplay ทุกอย่าง

20170407

ก่อนหน้านี้คิดถอดใจให้คอนฯ นี้หลายครั้ง แต่พอนึกถึงตัวเองตอนที่เอาแต่ลูปอัลบั้ม parachute เพราะคิดว่ายังไง coldplay คงไม่มาไทย แต่แล้ววันถัดไปก็ประกาศ asia tour ที่มีประเทศไทย มันแบบโว้ย โมเม้นต์นั้นมันแบบยังไงฉันก็ต้องไปอ่ะ สุดท้ายก็ต้องขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่ไม่เทคอนฯ นี้ รัก

ไม่ใช่แฟนคลับ แต่ความที่ฟังเพลงเขามาตั้งแต่ประถมอ่ะ เนี่ยจำได้ขึ้นใจเลยว่าเพลง coldplay ที่เคยฟังครั้งแรกคือ paradise ตอนนั้นอยู่ป.5 แล้วก็เป็นเพลงโปรดมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างเพลงอื่น ฟังจริงๆ ก็อัลบั้มละสามสี่เพลง ไม่ต้องถามว่าทำไมถึงอยากไปคอนเสิร์ตเขาทั้งที่ไม่ใช่แฟนคลับ เพราะเราเองก็ไม่รู้ ก็แค่อยากไปและต้องได้ไป เข้าใจฟีลป่ะ และเขาคือ coldplay อ่ะ การได้ไปดูเขาเล่นสดสักครั้งในชีวิตคงเป็นอะไรที่แบบ… ไม่รู้ดิ ไม่เคยเขียน bucket list มาก่อน แต่ถ้าเขียนจริงๆ คิดว่าการไปคอนเสิร์ต coldplay คงต้องรวมอยู่ในนั้นด้วยแน่นอน และก็รู้สึกดีจังก็เราได้ขีด bucket list ข้อนี้ออกไปทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มต้นเขียนด้วยซ้ำ

ไม่รู้จะเริ่มเล่าอะไรก่อนดี เอาจริงก็ไม่รู้จะเล่าอะไรเลยด้วยซ้ำ 55555 แต่จะพยายามเล่าให้เห็นภาพที่สุดเผื่อถ้าวันหนึ่งเกิดอยากย้อนกลับมาอ่านอีกครั้งแล้วกัน

  • เอาแล้วนะ
  • เอาแล้วจริงๆ ละนะ
รีวิวบัตร 1800
  • เริ่มที่ Jess Kent ก่อนละกัน มาเล่นเปิดให้ ยัยน่ารักอ่ะ พูด “ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” ตลอด และนี่ก็โยกตามตลอดเช่นกัน พยายามยัดเยียดแนวเพลงให้เขาด้วย ตอนแรกฟังก็แบบ อ๋อ electonic สักพักฟังก็ไม่ใช่ละ สักพักหยิบเบสมา เอ๊ะ rock n roll รึเปล่า เออก็ทายไป สรุปไม่ใช่สักอย่าง 55555
  • ตอนสามทุ่มที่บอกไว้ว่าเป็นเวลาเริ่มคอนเสิร์ตจริงๆ พอมีเสียงดังจากดังสเตจเมื่อไหร่คนทั้งสเตเดี้ยมจะพร้อมใจกันส่งเสียงเชียร์เพราะคิดว่าคอนฯ กำลังจะเริ่มแล้ว แต่เปล่า นั่นแค่ sound check นังพวกเด๋อ 55555555
  • พออินโทร A Head Full of Dreams ขึ้นเท่านั้นแหละ โปรดักชั่นตอนเปิดคอนฯ นี่เว่อวังมาก ทั้งพลุ ทั้งริสแบนด์ แสง สี เสียง ทุกอย่างมัน full of dreams จริงๆ
  • เพลงที่สองคือเพลงทุกคนพร้อมใจกันโหยหวนเว้ย (แบบอย่างน้อยถ้าไม่ใช่แฟนก็ต้องรู้จักเพลงนี้กัน ถูกมะ 555) โมเม้นต์นั้นคือถึงนี่จะดู coldplay เล่นสดแค่สองเพลงอยู่เลยก็คอมพลีทแล้วอ่ะวันนี้ รู้สึกงั้นจริง มองไปรอบตัวกลายเป็นสีเหลือง (พูดตามความจริงมันดูเหมือนสีเขียวมากกว่า) และสิ่งเดียวที่ทุกคนจดจ่ออยู่คือ Yellow เป็นเพลงที่โครต made my day เลย
พี่คริส: ซา-วัด-ดี-คับ ทู้กๆ โคน
  • นี่มี setlist อยู่ในมือตลอดอ่ะ เตรียมพร้อมมาก (หรอ)
  • สารภาพว่าเพิ่งมาเตรียม setlist สองวันก่อนวันคอนฯ และซ้อมร้องจริงคือวันเดียวก่อนคอนฯ พร้อมมะ พร้อมที่สุดในโลก 555555 แต่แค่อยากไปดู performance ไง เพลงก็แค่ร้องๆ เท่าที่ร้องได้งี้
  • คือก่อนคอนฯ เริ่มพยายามบอกตัวเองว่าให้ซึมซับบรรยกาศกลับไปให้ได้มากที่สุด แต่พอถึงเวลาจริงก็สติแตกค่ะ วินาทีนั้นโทรศัพท์ในมือคือเป็นอะไรที่ล้ำค่ามากในการช่วยเก็บความทรงจำ
  • ถึงช่วง talk พี่คริสบอกนี่เป็นครั้งที่สองที่ได้มาไทยหลังจาก 14 ปีที่แล้ว เออ เราเพิ่งสามขวบเองมั้งตอนนั้น ฟังแล้วรู้สึกเป็นคนโชคดียังไงก็ไม่รู้ มันยิ่งกว่าดีใจอีกที่เราได้มายืนตรงนี้ ยืนฟังเขาพูดประโยคนี้
the scientist
  • ตอนเล่น The Scientist อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่รัก
paradise (1)
paradise (2)
  • และก็ถึงเพลงที่พอขึ้น intro แล้วกรี๊ดดังมาก คือแค่ฟัง audio ก็รู้สึกว่าเป็นเพลงที่มีพลังอยู่แล้วอ่ะ พอนึกภาพออกปะว่าตอนฟังสดในคอนเสิร์ตมันจะล้นแค่ไหน อีกอย่างเพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ xyloband แต่ละคนคละสีกัน ซึ่งพอมองรอบๆ ตัวมันเลยเป็นภาพที่สวยมากๆ อ่ะ ฮือ บรรยายไม่ถูก ละที่น่ารักมากๆ คือพอเรามองไปที่สกรีนบนสเตจกล้องไปซูมคนที่ถือมาสคอตน้องช้างเหมือนในเอ็มวีเลย เราแบบ โห ปกติตอนเราฟัง Paradise ในหัวก็ insert เอ็มวีมาอัตโนมัติอยู่แล้วไง แล้วภาพที่จำได้ที่สุดคือมาสคอตช้างนี่แหละ อย่างที่บอกว่าเป็นเพลงโปรด ฟังทีไรก็เหมือนมีมนต์ขลัง อาจจะเป็น masterpiece สำหรับเราไปแล้วก็ได้ รักนะ /กอด/
พี่คริสบอกเพลงนี้ dedicate this song to our former King
  • Everglow เป็นเพลงโปรด(ในไม่กี่เพลงของอัลบั้มล่าสุด)ที่เราตั้งใจจะไปดูสดอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าเป็นเพลงพี่คริสเลือกร้องให้ใครก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนอะไรมาสะกิดที่ใจ โดยเฉพาะตอนโซโล่เปียโนมันทำให้เราขนลุกทั้งที่ไม่ได้ทรงพลังอะไรเลย แต่ฟังแล้วรู้สึกหม่นๆ ปนอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก คิดว่านี่คงเป็นช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองได้ซึมซับและดำดิ่งไปกับดนตรีจริงๆ
  • มาถึงเพลงที่นี่ร้องเสียงดังสุดพลัง Hymn for the Weekend จำได้ว่าวันแรกที่ปล่อยเอ็มวี เราดูได้นาทีเดียวแล้วกดปิด แต่พออยู่ในคอนฯ ดันร้องจัดเต็มเฉยเลย งงมาก เพลงโปรดก็ไม่ใช่ แต่ความ drink for me และความผีบ้าของนี่ด้วยมั้ง เลยอยากแหกปาก (ที่ไม่ได้ถ่ายคลิปก็เพราะมัวแต่ร้องเพลงนี่แหละ 555)
fix you
  • อีกหนึ่งในไฮไลท์ของนี่คือ Fix You อ่ะ รัก รอร้องเพลงนี้ ซึ่งทุกคนก็ดูเหมือนจะรอร้องเพลงนี้เหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ลงจังหวะกันก็ตาม (แซว 555)
viva la vida
  • อยากเห็นคนเลือก setlist เหลือเกิน เพราะการเปิด Viva La Vida แล้วต่อด้วย Adventure of a Lifetime แม่งเป็นอะไรที่โครต hype
adventure of a lifetime
  • และมาถึงไฮไลท์อันดับหนึ่งในใจเรา Adventure of a Lifetime ความลูกบอล ความเด๋อของดนตรี ความคัลเลอร์ฟูลของ xyloband มันเข้ากันอย่างประหลาดอ่ะ สนุกมาก นึกภาพออกมะ พี่คริสบอกให้เรา stay down เราก็ทำ พี่คริสนับ 1 2 1 2 3 go เราก็กระโดดพร้อมกันทั้งสนามเงี้ย ทำตามที่พี่บอกอย่างว่าง่าย และก่อนหน้าที่คิดว่าเพลงมันเด๋อก็เข้าใจแล้วทำไมในอัลบั้มต้องมีเพลงนี้ เป็นเพลงที่ made ขึ้นมาเพื่อใช้ performance จริงๆ เราเข้าใจแล้ว เออ นี่เป็นคลิปเดียวที่กล้องสั่นเบอร์แรงเพราะโดดอย่างเดียว 555
  • ต่อด้วย Kaleidoscope
  • และข้ามมา In My Place อย่างหน้าด้าน…
  • ตอนนั้นคือจ้อง setlist ในมือแบบจ้องแล้วจ้องอีก พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าเรียงมาผิด แต่เปล่า เพราะมันไม่มี Green Eyes อยู่ใน setlist ที่ไทยตั้งแต่แรก ฮื้อ

“you came here for green eyes but there wasn’t green eyes for you.”

  • นี่คือประโยคแรกที่พี่พูดกับเราหลังรู้ว่ามันไม่มี Green Eyes ใน setlist แถมยังหัวเราะใส่นี่ด้วย เออ โดนเยาะเย้ยว่ะ หน้าตอนนั้นคือเหวอไปเลยเพราะฉันตั้งใจมาร้อง Green Eyes ฉันมาเพื่อร้องท่อน I came here with a load and it feels so much lighter แต่เหมือนจะได้ล้องห้ายแทน โกรธอะไรรู้มะ คือโกรธที่ที่อื่นมีเพลงนี้แต่พอมาที่ไทยกลับไม่มีเนี่ย ใจร้ายมาก
  • หลังจากนั้นก็นั่งหงอยเป็นหมา
  • แต่ก็ช่างมัน ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไรจริงๆ
  • อีกช่วง talk พี่คริสบอกเนี่ย backstage ซ้อมพูดไทยมาด้วยนะ แต่คนอื่นบอกถ้าจะพูดห่วยขนาดนี้อย่าเลยดีกว่า แล้วทุกคนก็หัวเราะ ฮือ คือเอ็นดูพี่เขากันอยู่ถูกมะ พี่แกเลยบอกถึงอย่างงั้น my heart is speaking thai นะ อี๋ ใจหล่ออ่ะแต่เกลียดได้มะ 555
  • ช่วงแนะนำเมมเบอร์ก็แบบหยุดอยู่ที่มือเบสนานมาก แซวอยู่นั่น ถ้าฉันเป็นพี่กายคงเขินตัวม้วนแต่พี่แกนิ่งมาก ไม่มีใครเล่นกับพี่คริส 55555
  • ตอน request song นี่อยากตะโกนบอก green eyes ของหนูค่ะพี่คริส แอบหมั่นไส้คือนอกจากไม่มี green eyes แล้วกล้องแม่งแพลนต่างชาติบ่อยมาก โลคอลน้อยใจ‬นิดนึง เอาจริงก็ไม่นิดนะ ฮรือ
  • เอ้อ มีเพลงนึงที่พี่คริสบอก phoned down (น่าจะ charlie brown) แต่ในมือนี่คือถือไอโฟนถ่ายอยู่ไง ตอนนั้นแบบน้องขออีกนิดนะพี่ แอบรู้สึกผิด แต่ก็แค่นิดเดียว 55
something just like this
  • และนี่ก็คือโชว์ที่เพิ่มเข้ามาในคอนเสิร์ต ถ้ากำลังเปิดอัลบั้มอยู่ก็น่าจะเรียกว่า bonus track มั้ง ประมาณนั้น ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย เคยฟังมารอบนึง ฟังไม่จบด้วย (อีกแล้ว) เพราะไม่ชอบ แต่นั่นก็แค่ตอนแรกอ่ะ โอเค พอฟังไปเรื่อยๆ มันก็ดีนะ หมายถึงเพลงนี้อ่ะ ดีมากเลยแหละ อาจจะด้วยบรรยากกาศในคอนเสิร์ตเนอะ มันพาไป อิน
  • ล่าสุดไปกดไลค์ใน youtube ให้แล้วด้วย พอไปฟังอีกรอบก็ชอบไปแล้วอ่ะ งง
last song, up&up
  • เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายใน setlist ถึงลึกๆ จะแอบโกรธก็ตามแต่ขอบคุณคนจัด setlist อีกครั้งที่เลือก Up&Up เป็นเพลงปิดคอนเสิร์ต เพราะมันรู้สึกดีนะที่ได้ฟังเพลงโปรด(ในไม่กี่เพลงของอัลบั้มล่าสุด) เป็นเพลงสุดท้าย และก็เป็นอีกช่วงสำคัญอีกช่วงในระหว่างดูคอนฯ เพราะความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนถูกเติมเต็มอ่ะ มันอิ่มเอมใจ
  • โมเม้นต์ที่ทำให้เราประทับใจที่สุดคงเป็นตอนที่มองเห็นสีรอบตัวค่อยๆ เปลี่ยนไปละพอหันกลับมามอง xyloband ที่ข้อมือตัวเองแล้วเห็นว่ามันเป็นสีเดียวกันกับคนรอบๆ ข้างมั้ง มันเป็นฟีลที่แบบเออ this is the place where i really belong อ่ะ รักบรรยากาศแบบนี้
  • ที่บอกว่า “The real beauty of music is how it brings so many people together.” เราเชื่อนะ แต่ตอนนี้คือเชื่อแบบสุดใจเลย
  • จากที่ก่อนไปคอนฯ อินไม่กี่เพลงตอนนี้กลับมาไล่ฟัง setlist ใหม่ โอ้โห น้ามตา คิดถึงบรรยากาศในคอนฯ มาก
  • ตอนนี้กลับมาฟังอัลบั้ม A Head Full of Dreams ได้แบบไม่ติดใจอะไรแล้ว ถึงจะไม่ได้รู้สึกว่าดนตรีบางแทร็กมันเด๋อน้อยลงกว่าเดิม หรือเลิกคิดว่าอาร์ตเวิร์คอัลบั้มมันดูเหมือนโลโก้ช่อง 7 แล้วก็ตาม เราให้อภัย coldplay ทุกอย่างแล้ว ตอนนี้
  • และจะพร้อมให้อภัยทุกอย่างด้วยต่อจากนี้

Everything always change เรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรแน่นอน แม้กระทั่ง setlist ในคอนเสิร์ต จำไว้

  • ละนี่ก็คือบทเรียนที่ได้จากคอนเสิร์ตนี้ที่เอาจริงก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ เอาเป็นว่าได้มาแล้วก็แล้วกัน
  • anyway ถึงเราจะดูคอนฟลิกท์กับคอนเสิร์ตนี้อยู่บ้าง แต่ก็ขอบคุณนะที่ทำให้มันเป็นคอนเสิร์ตที่น่าจดจำและคุ้มค่ามากสำหรับเราในวัย 17
  • หวังว่าจะได้เจอกันในอีก 2 3 4 หรือ 5 ปีข้างหน้านะโคลด์เพลย์ (หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ไม่รู้) เรารอได้

p.s. เออเนี่ย พอคอนฯ จบแล้วสิ่งแรกที่พี่พูดกับนี่คือ “ไหนบอกไม่มาก็ได้ไง ร้องเพลงดังกว่ากูอีก” me/ ยิ้มแห้ง

--

--

No responses yet