ประเทศไทยกับสหประชาชาติ
รัฐสมาชิกสหประชาชาติ | |
---|---|
สมาชิก | รัฐสมาชิก |
ตั้งแต่ | 16 ธันวาคม พ.ศ. 2489 |
อดีตชื่อ | สยาม (2000–2482) |
ที่นั่งในคณะมนตรีความมั่นคง | สมาชิกไม่ถาวร |
ผู้แทนถาวรไทย | สุริยา จินดาวงษ์ |
ประเทศไทยกับสหประชาชาติ ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหประชาชาติเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2489 ถือเป็นสมาชิกลำดับที่ 55 ของสหประชาชาติ[1]
ประวัติ
[แก้]ปัญหากรณีพิพาทอินโดจีน
[แก้]แต่เดิมประเทศไทยได้มีส่วนในประชาคมโลกตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้เป็นสมาชิกแรกเริ่มผู้ร่วมก่อตั้งสันนิบาตชาติ ตามสนธิสัญญาสันติภาพ ต่อมาหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยไม่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในรัฐผู้ร่วมก่อตั้งด้วยเนื่องจากเหตุผลและความจำเป็นต่าง ๆ ทั้งที่เป็นผู้ร่วมผลักดันมาตั้งแต่แรก จึงต้องสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่หลักจากก่อตั้งแล้ว[2]
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ประเทศไทยได้ยื่นใบสมัครเข้าร่วมต่อคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ซึ่งในเวลานั้นมีประเทศยื่นคำขอเข้าร่วมพร้อมกันอีก 8 ประเทศคือ อัลเบเนีย มองโกเลีย อัฟฆานิสถาน ทรานสจอร์แดน ไอร์แลนด์ โปรตุเกส ไอซแลนด์ และสวีเดน ซึ่งตามกฎบัตรสหประชาชาติระบุว่า จะต้องได้รับเสียงคะแนนจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติอย่างน้อยจาก 2 ประเทศ จาก 11 ประเทศ ตามข้อ 4 วรรค 2 จึงจำเป็นต้องใช้เสียงสนับสนุนจากมหาอำนาจ 5 ชาติ ได้แก่ สหรัฐ สหราชอาณาจักร สหภาพสาธารณรัฐโซเวียต จีนและฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นไทยมีข้อพิพาทจากการได้ดินแดนคืนจากอินโดจีนตามอนุสัญญาสันติภาพกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489[2]
ในการประชุมพิจารณาของคณะกรรมาธิการได้ประชุมกันมากถึง 14 ครั้ง ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ซึ่งไม่มีประเทศใดขัดข้อง เว้นแต่ฝรั่งเศสที่ได้แถลงในการประชุมคณะกรรมาธิการเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ว่าฝรั่งเศสยังถือว่าฝรั่งเศสยังอยู่ในสถานะสงครามกับไทยอยู่ จนกว่าไทยจะคืนดินแดนตามอนุสัญญาสันติภาพกรุงโตเกียวให้กับอินโดจีนจึงไม่สนับสนุนไทย ส่วนผู้แทนสหภาพโซเวียตกล่าวว่าประเทศไทยยังไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับโซเวียตรัสเซีย จึงยังไม่สามารถสนับสนุนได้[2]
ฝ่ายไทยได้ชี้แจงต่อสหภาพโซเวียตว่า ไทยและโซเวียตได้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันมานานแล้ว แต่การส่งทูตไปประจำถูกระงับเนื่องจากเหตุการณ์สงครามในยุโรป แต่ฝ่ายโซเวียตก็ยังติดใจในประเด็นที่รัฐบาลก่อน ๆ เคยเป็นปฏิบักษ์ต่อโซเวียตรัสเซีย ส่วนของฝรั่งเศส ไทยได้ปฏิเสธว่าไม่เคยมีสถานะสงครามกับฝรั่งเศส เนื่องจากยังไม่เคยประกาศสงครามต่อกัน รวมถึงไทยก็ได้ช่วยเหลือฝรั่งเศสมาตลอดระยะเวลาสงครามโลกและหลังจากนั้น ส่วนปัญหาดินแดนกับอินโดจีน ได้มีการหาทางยุติอย่างสันติวิธี ดั่งที่ไทยได้ส่งคณะผู้แทนนำโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร เพื่อไปเจรจากับฝรั่งเศสที่กรุงวอชิงตัน และตอบรับข้อเสนอในการส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิจารณาของฝรั่งเศส และเหตุการณ์ความไม่สงบในอินโดจีนฝ่ายไทยก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เกิดจากความไม่สงบภายในเอง พร้อมทั้งกวดขันให้เจ้าหน้าที่ชายแดนระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบกับฝ่ายฝรั่งเศส[2]
จากนั้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ฝรั่งเศสได้ถอนข้อเสนอที่จะส่งเรื่องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เนื่องจากอ้างว่าประเทศไทยมีส่วนในเหตุการณ์ความไม่สงบในเสียมราฐพร้อมระบุว่ามีหลักฐาน และให้ไทยมาตกลงเรื่องดินแดนกับฝรั่งเศสก่อน มิฉะนั้นจะคัดค้านการเข้าเป็นสมาชิกกับสหประชาชาติของไทย[2]
ด้วยเหตุนี้เองประเทศไทยจึงขอเลื่อนการพิจารณาออกไป จากรอบการพิจารณาคำขอการเข้าเป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคง ในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2489 เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับอีก 8 ประเทศที่เหลือที่ยื่นสมัครในรอบเดียวกัน โดยคณะมนตรีความมั่นคงใช้เวลาพิจารณา 2 วัน ปรากฎว่า พิจารณารับ อัฟกานิสถาน ไอซ์แลนด์ และสวีเดน ด้วยคะแนนเสียง 10 จาก 11 คะแนน ไอร์แลนด์ ได้คะแนนเสียง 9 คะแนน ค้านโดยสหภาพโซเวียต ทรานสจอร์แดนกับโปรตุเกส ได้คะแนนเสียง 8 คะแนน โปแลนด์และโซเวียตรุสเซียคัดค้าน อัลเบเนียและมองโกเลียได้คะแนนเสียงสนับสนุน 5 คะแนน และ 6 คะแนนตามลำดับ[2]
จนกระทั่งวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 การเจรจาระหว่างไทยและฝรั่งเศสประสบผลสำเร็จ โดยผู้แทนทั้งสองประเทศได้ลงนามในความตกลงระงับในกรณีอินโดจีน ฝรั่งเศสจึงเปลี่ยนจากท่าทีขัดขวางเป็นสนับสนุนไทยในการเข้าเป็นสมาชิกในสหประชาชาติ จึงเหลือแค่เพียงท่าทีของสหภาพโซเวียต ประเทศไทยจึงได้ยื่นขอให้คณะมนตรีความมั่นคงได้พิจารณาคำขอเข้าร่วมของไทยใหม่เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 และไทยได้มอบหมายให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ได้เสด็จไปยังนิวยอร์กเพื่อพูดคุยกับสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2489 โดยเจรจาพูดคุยหลายวันจนกระทั่งฝ่ายสหภาพโซเวียตยอมถอนข้อขัดข้องในคณะมนตรีความมั่นคง และได้มีการประกาศรับรองประเทศไทยในฐานะของสมาชิกในสหประชาชาติในวันสุดท้ายของสมัยประชุม คือวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2489 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการลงนาม เนื่องจาก ดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเวลานั้นเดินทางไปลงนามที่สหรัฐไม่ทันเนื่องจากผลการรับรองออกมากระชั้นชิดมาก[2]
เข้าร่วมสหประชาชาติ
[แก้]ในที่สุด ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหประชาชาติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 13 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2489 โดยเป็นสมาชิกลำดับที่ 55[1] ซึ่งก่อตั้งหลังการก่อตั้งสหประชาชาติได้เพียง 1 ปี โดย ดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเวลานั้น ได้ให้เห็นผลในการเข้าร่วมของประเทศไทยไว้[3] ดังนี้
- เพื่อความมั่นคงของไทย เนื่องจากสหประชาชาติเป็นองค์การที่มีกำลังมากที่สุดที่สามารถธำรงสันติภาพและความมั่นคง และให้ความยุติธรรมกับประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทย
- เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ประเทศไทยเป็นชาติเก่าแก่ชาติหนึ่ง เนื่องจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การโลกเป็นการยืนยันและรับรองฐานะของไทยอีกครั้งหนึ่ง
- ประเทศไทยคาดหวังความช่วยเหลือจากสหประชาชาติในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
- เพื่อแสดงให้โลกได้เห็นว่า ไทยประสงค์ที่จะร่วมมือในการสร้างสันติภาพและความมั่งคงของโลกอย่างจริงจัง
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2492 ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับยูเนสโก เป็นสมาชิกลำดับที่ 48[4]
ประเทศไทยมีส่วนร่วมในภารกิจต่าง ๆ ของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่องนับตังแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งในด้านของสันติภาพและการพัฒนาในด้านของสิทธิมนุษยชน[1] ปัจจุบันประเทศไทยทำงานร่วมกันกับสหประชาชาติผ่านคณะทำงานของสหประชาชาติที่เรียกว่า ทีมงานสหประชาชาติประจำประเทศ (UN Country Team) ซึ่งสำหรับประเทศไทยจะอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือหุ้นส่วนกับสหประชาชาติ (United Nations Partnership Framework: UNPAF) ซึ่งยึดตามระดับรายได้ของประเทศที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง และไทยมีกรอบความร่วมมือลักษณะนี้กับสหประชาชาติมาแล้วทั้งสิ้น 3 ฉบับ[1]
หน่วยงานสหประชาชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
[แก้]ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับสมญาว่า เจนีวาแห่งเอเชีย เนื่องจากเป็นประเทศขนาดกลางที่มีความเป็นกลางในภูมิภาคเอเชีย จึงมีองค์การต่าง ๆ ของสหประชาชาติรวมไปถึงทบวงชำนัญพิเศษและองค์การระหว่างประเทศที่ไม่ใช่ของสหประชาชาติเข้ามาตั้งสำนักงานอยู่ จึงทำให้สะดวกในการประสานงานและจัดการประชุมขององค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยมีการผลักดันกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองและเอกสิทธิ์ให้กับองค์การระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่และเข้ามาร่วมประชุมในประเทศไทยอีกด้วย[1]
องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ตั้งอยู่ในกลุ่มอาคารที่ทำการของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในห้าคณะกรรมการส่วนภูมิภาคของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ อยู่ในบริเวณถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[5] และมีหน่วยงานระดับภูมิภาคอื่น ๆ ตั้งกระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ประกอบไปด้วย
อาคารสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก
[แก้]สัทพจน์ | หน่วยงาน | ระดับ | ที่ตั้งสำนักงาน |
---|---|---|---|
UN | องค์การสหประชาชาติ | สำนักงานประจำประเทศไทย | อาคารสหประชาชาติ ชั้น 12 ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[5] |
ESCAP | คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก | สำนักงานใหญ่ | อาคารสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร |
ILO | องค์การแรงงานระหว่างประเทศ | สำนักงานประจำอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออก[6] | อาคารสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[5][7] |
OHCHR | สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | อาคารสหประชาชาติ ชั้น 6 ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[8] |
UNEP | โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก | อาคารสหประชาชาติ ชั้น 2 บล็อก เอ ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[9] |
UN HABITAT | โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำประเทศไทย[10] | อาคารสหประชาชาติ ชั้น 5 บล็อก เอ ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[10] |
UN WOMEN | องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก[11] | อาคารสหประชาชาติ ชั้น 14 ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[11] |
UNAIDS | โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก | อาคารสหประชาชาติ ชั้น 9 บล็อก เอ ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[12] |
UNDP | โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ | ||
UNFPA | กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ | อาคารบริการสหประชาชาติ ชั้น 4 ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[15][16] | |
UNHCR | สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำประเทศไทย[17] รับผิดชอบกัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม[18] | |
UNDRR | สำนักงานว่าด้วยกลยุทธ์ระหว่างประเทศเพื่อการลดภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก[20] | อาคารสำนักเลขาธิการสหประชาชาติ ชั้น 7 ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[21] |
UNODC | สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก[22] | อาคารสหประชาชาติ ชั้น 3 ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[22] |
UNV | โครงการอาสาสมัครของสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก[23] | อาคารบริการสหประชาชาติ ชั้น 1 ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[23] |
กรุงเทพฯ และปริมณฑล
[แก้]สำนักงานของหน่วยงานในสังกัดของสหประชาชาติในพื้นที่อื่นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบไปด้วย
สัทพจน์ | หน่วยงาน | ระดับ | ที่ตั้งสำนักงาน |
---|---|---|---|
FAO | องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก | เลขที่ 39 ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย[5] |
IOM | องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก[24] | อาคารรัจนาการ ชั้น 18 เลขที่ 3 ถนนสาทรใต้ กรุงเทพมหานคร[5][24] |
ITC | องค์การศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ | ผู้แทนประจำประเทศไทย[25] | เลขที่ 54-56 ถนนมงบริยองต์ 1202 เจนีวา สวิสเซอร์แลนด์[5][a] |
ITU | สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก[26] | สำนักงาน กสทช. ภาค 1 เลขที่ 111 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร |
UNESCO | ยูเนสโก | อาคาร 100 ปี หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เลขที่ 920 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร[5] | |
UNICEF | กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก[28] | เลขที่ 19 ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร[5] |
UNIDO | องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ | สำนักงานภาคสนามประจำประเทศไทย ดูแลครอบคลุมประเทศอิหร่าน กัมพูชา ลาว เมียนมา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน และเวียดนาม[29] | อาคารกรมโรงงานอุตสาหกรรม ชั้น 5 เลขที่ 57 ถนนพระสุเมรุ แขวงบางลำภู เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร |
UNOPS | สำนักงานบริการโครงการแห่งสหประชาชาติ |
| |
WHO | องค์การอนามัยโลก | สำนักงานประจำประเทศไทย | เลขที่ 88/20 สำนักงานปลัดกระทรวงฯ อาคาร 3 ชั้น 4 กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ นนทบุรี |
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ เป็นหน่วยงานที่ถูกระบุว่าอยู่ในประเทศไทยโดยเว็บไซต์สหประชาชาติประเทศไทย แต่ไม่มีสำนักงานในทางกายภาพ
กิจกรรม
[แก้]กองบัญชาการสหประชาชาติ
[แก้]ประเทศไทยได้เข้าร่วมการรบในสงครามเกาหลีในนามของกองบัญชาการสหประชาชาติในช่วงปี พ.ศ. 2493–2496 ตามคำเชิญของสหประชาชาติ ในช่วงของนายกรัฐมนตรี จอมพล แปลก พิบูลสงคราม โดยส่งกำลังรบทั้งจากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ซึ่งการสนับสนุนการรบของไทยเป็นตัวแปรสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลของหลายสมรภูมิ เช่น เนินพอร์กช็อป[32] และถอนกำลังผลัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2513 ตามความเห็นของสภากลาโหมไทย และทางการสหรัฐไม่ขัดข้อง โดยมีการจัดพิธีอำลาในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2513 ณ สนามไนท์ (Knight Field) ในกรุงโซล โดยมีโดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองบัญชาการสหประชาชาติ และผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้เป็นประธาน และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน เช่น นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ผู้แทนประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ผู้แทนชาติพันธมิตรต่าง ๆ พร้อมกับมีการสวนสนาม การยิงสลุต และในวันเดินทางกลับได้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ผู้แทนรัฐบาลเกาหลีใต้ ผู้แทนกองบัญชาการสหประชาชาติ พร้อมกับประชาชนชาวเกาหลีใต้ร่วมเดินทางมาส่งที่สนามบินคิมโป[33]
ประเทศไทยได้ปฏิบัติการในเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 จนถึง 23 มิถุนายน พ.ศ. 2515 ระยะเวลารวม 16 ปี 7 เดือน 15 วัน[33] ซึ่งไทยส่งกำลังพลเข้าร่วมจำนวน 23 ผลัด จำนวน 11,776[34] - 11,786[35] นาย มีผู้เสียชีวิต 125 นาย บาดเจ็บ 318 นาย ป่วย 503 นาย และสูญหาย 5 นาย[34]
สำนักงานนายทหารติดต่อประจำกองบัญชาการสหประชาชาติ
[แก้]หลังจากการพักรบของสงครามเกาหลีในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496 ประเทศไทยได้จัดตั้ง สำนักงานนายทหารติดต่อประจำกองบัญชาการสหประชาชาติ[36] ขึ้นมา โดยครั้งแรกตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีหัวหน้านายทหารติดต่อกองบัญชาการสหประชาชาติ ณ กรุงโตเกียว (หน.นตต.บก.สหประชาชาติ ณ กรุงโตเกียว) เป็นผู้บังคับบัญชา
จากนั้นในปี พ.ศ. 2500 กองบัญชาการสหประชาชาติได้ย้ายไปตั้ง ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และได้ให้ไทยส่งทหารมาปฏิบัติงานในตำแหน่งนายทหารติดต่อที่กรุงโซลอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2504 จากนั้นในปี พ.ศ. 2507 กระทรวงกลาโหมได้มีการปรับอัตราและจัดตั้งตำแหน่งใหม่ โดยให้ผู้ช่วยทูตทหารฝ่ายกองทัพบก ทำหน้าที่เป็นหัวหน้านายทหารติดต่อกองบัญชาการสหประชาชาติ ณ กรุงโซล (หน.นตต.บก.สหประชาชาติ ณ กรุงโซล) และให้นายทหารติดต่อสื่อสารอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาอยู่ภายใต้บังคับบัญชา และได้ยุบตำแหน่งหัวหน้านายทหารติดต่อกองบัญชาการสหประชาชาติ ณ กรุงโตเกียวเมื่อปี พ.ศ. 2514 คงเหลือเพียงตำแหน่งที่กรุงโซล พร้อมทั้งมอบหมายให้ผู้ช่วยทูตทหารไทยประจำโตเกียวทำหน้าที่นายทหารติดต่อกองบัญชาการสหประชาชาติ (ส่วนหลัง) และแก้ไขอัตราอีกครั้งในปี พ.ศ. 2551 โดยให้ผู้ช่วยทูตทหารฝ่ายกองทัพอากาศทำหน้าที่เป็นนายทหารติดต่อกองบัญชาการสหประชาชาติอีกตำแหน่งหนึ่ง
กองร้อยทหารเกียรติยศ
[แก้]ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหมู่เกียรติยศสบทบ กองรร้อยทหารเกียรติยศ ประจำกองบัญชาการสหประชาชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 จนถึงปัจจุบัน โดยสมาชิกในกองร้อยทหารเกียรติยศเดิมประกอบด้วยกำลังจากทั้ง 16 ชาติที่เข้าร่วมรบสงครามเกาหลี ต่อมาเมื่อมีการถอนกำลังออกไปในปี พ.ศ. 2503 จึงเหลือกำลังอยู่เพียง 5 ชาติ คือ สหรัฐ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ไทย และตุรกี โดยตรุกีได้ถอนกำลังออกไปเมื่อปี พ.ศ. 2513 และประเทศฟิลิปปินส์ได้จัดกำลังเข้ามาแทนที่ และสหราชอาณาจักรได้ถอนกำลังออกไปเมื่อปี พ.ศ. 2536 เพื่อไปประจำการในฮ่องกง กองพลทหารราบที่ 2 ของสหรัฐจึงจัดกำลังเข้าทดแทน[33]
ปัจจุบันกองร้อยทหารเกียรติยศ กองบัญชาการสหประชาชาติประกอบไปด้วยกำลังพลจาก สหรัฐ เกาหลีใต้ ไทย และฟิลิปปินส์[37] โดยประเทศไทยจัดทหาร 1 หมู่เกียรติยศ จำนวน 6 นาย ประจำการอยู่ที่สำนักงานนายทหารติดต่อประจำกองบัญชาการสหประชาชาติ[38]
การรักษาสันติภาพ
[แก้]ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมกับสหประชาชาติในส่วนของการรักษาสันติภาพมาโดยตลอดทั้งในภูมิภาคและต่างภูมิภาค โดยได้มีการจัดตั้ง กองปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2543 มีหน้าที่หลักในการจัดส่งกำลังพลเข้าร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพและปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมภายนอกประเทศ และทำหน้าที่เป็นกองบัญชาการส่วนหลังสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยที่ปฏิบัติการรักษาสันติภาพในต่างประเทศ จากนั้นด้วยสถานการณ์โลกที่มีความขัดแย้งเกิดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการกองกำลังรักษาสันติภาพมีเพิ่มมากขึ้น จึงมีการปรับโครงสร้างหน่วยงาน ยกขึ้นเป็น ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 อยู่ภายใต้สังกัดกรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย[39]
สำหรับปฏิบัติการรักษาสันติภาพในกรอบของสหประชาชาติที่ประเทศไทยเข้าร่วม มีทั้งการส่งเจ้าหน้าที่พลเรือน เจ้าหน้าที่หทารและตำรวจเข้าร่วมปฏิบัติการ ประกอบไปด้วย
ปี (คณะผู้แทน) | ประเทศ | ความขัดแย้ง/กิจกรรม | คณะผู้แทน | บุคลากรที่เข้าร่วม | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
2501 | เลบานอน | วิกฤตเลบานอน พ.ศ. 2501 | คณะผู้แทนสังเกตการณ์ของสหประชาชาติในเลบานอน (UNOGIL) | นายทหาร | มิถุนายน - ธันวาคม 2501[40] |
2532–2533 | นามิเบีย | สงครามประกาศอิสรภาพนามิเบีย | คณะช่วยเหลือการเปลี่ยนผ่านแห่งสหประชาชาติ (UNTAG) | เจ้าหน้าที่ตำรวจ | สังเกตการณ์เลือกตั้งในปี 2533[40] |
2534–2546 | อิรัก | สงครามอ่าว | คณะผู้แทนสังเกตการณ์ของสหประชาชาติประจำชายแดนอิรัก–คูเวต (UNIKOM) | นายทหาร 91 นาย | นายทหาร ปีละ 7 นาย[40] |
คูเวต | |||||
2534–2546 | อิรัก | สงครามอ่าว | กองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งสหประชาชาติในอิรัก (UNGCI) | นายทหาร 100 นาย | นายทหาร 2 ผลัด ผลัดละ 50 นาย[40] คุ้มกัน จนท. ในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ตามมติ สหประชาชาติ ที่ 706/1991 และ 712/1991 |
2534–2535 | กัมพูชา | ความขัดแย้งในกัมพูชา | คณะผู้แทนล่วงหน้าของสหประชาชาติในกัมพูชา (UNAMIC) | กองพันทหารช่างเฉพาะกิจ 705 นาย | [40] |
2535–2536 | กัมพูชา | ความขัดแย้งในกัมพูชา | องค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC) | เจ้าหน้าที่พลเรือน | สังเกตการณ์เลือกตั้งในปี 2533[40] |
2535–2537 | แอฟริกาใต้ | การเลือกตั้งในแอฟริกาใต้ พ.ศ. 2537 | คณะผู้แทนสังเกตการณ์ของสหประชาชาติในแอฟริกาใต้ (UNOMSA) | เจ้าหน้าที่ตำรวจ | สังเกตการณ์เลือกตั้งในปี 2537[40] |
2538–2545 | บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | สงครามบอสเนีย | คณะผู้แทนสหประชาชาติในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (UNMIBH) | เจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 นาย | เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปีละ 5 นาย[40] |
2542–2548 | เซียร์ราลีโอน | สงครามกลางเมืองเซียร์ราลีโอน | คณะผู้แทนสหประชาชาติในเซียร์ราลีโอน (UNAMSIL) | นายทหาร ประมาณ 30 นาย | นายทหาร 6 ผลัด ผลัดละ 3-5 นาย[40] |
2544 | ฟีจี | การเลือกตั้งในฟีจี พ.ศ. 2554 | คณะผู้แทนสังเกตการณ์เลือกตั้งในฟีจี (UNFEOM) | เจ้าหน้าที่พลเรือน | สังเกตการณ์เลือกตั้งในปี 2544[40] |
2542 | ติมอร์-เลสเต | การรุกรานติมอร์ตะวันออกโดยอินโดนีเซีย | คณะผู้แทนสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (UNAMET) | เจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นาย นายทหารสื่อสาร 2 นาย | [40] |
อินโดนีเซีย | |||||
2542−2543 | ติมอร์-เลสเต | การรุกรานติมอร์ตะวันออกโดยอินโดนีเซีย | กองกำลังนานาชาติในติมอร์ตะวันออก (INTERFET) | นายทหาร 1,581 นาย[40] | ไม่ใช่ของสหประชาชาติ จัดตั้งและนำโดย ออสเตรเลียตามมติของ สหประชาชาติ |
2542−2545 | ติมอร์-เลสเต | การรุกรานติมอร์ตะวันออกโดยอินโดนีเซีย | องค์การบริหารช่วงเปลี่ยนผ่านแห่งสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (UNTAET) | นายทหาร 925 นาย | ช่วงปี 2543-2545[40] |
อินโดนีเซีย | |||||
2545–2548 | ติมอร์-เลสเต | การรุกรานติมอร์ตะวันออกโดยอินโดนีเซีย | คณะผู้แทนสนับสนุนติมอร์ตะวันออกของสหประชาชาติ (UNMISET) | นายทหาร 9 ผลัด ช่วงปี 2545-2547[40] | |
2549–2012 | ติมอร์-เลสเต | วิกฤตติมอร์ตะวันออก พ.ศ. 2549 | คณะผู้แทนบูรณาการของสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (UNMIT) | เจ้าหน้าที่ตำรวจ 40 นาย | [40] |
2547–2549 | บุรุนดี | สงครามกลางเมืองบุรุนดี | ปฏิบัติการสหประชาชาติในบุรุนดี (ONUB) | นายทหาร 9 นาย กองร้อยทหารช่างรวม 525 นาย[41] | นายตำรวจ ปีละ 3 นาย กองร้อยทหารช่างผลัดละ 177 นาย[40] |
2550–2553 | เนปาล | คณะผู้แทนสหประชาชาติในเนปาล (UNMIN) | นายทหาร 7 นาย[40] | คณะผู้แทนพิเศษทางการเมือง ช่วงปี 2550–2551 | |
2548–2554 | ซูดาน | สงครามกลางเมืองซูดานครั้งที่สอง | คณะผู้แทนสหประชาชาติในซูดาน (UNMIS) | นายทหาร | นายทหารสังเกตการณ์ ผลัดละ 10-15 นาย[40] |
2546–2561 | ไลบีเรีย | สงครามกลางเมืองไลบีเรียครั้งที่สอง | คณะผู้แทนสหประชาชาติในไลบีเรีย (UNMIL) | ||
2547–2560 | เฮติ | รัฐประหารในประเทศเฮติ พ.ศ. 2547 | คณะผู้แทนสร้างเสถียรภาพของสหประชาชาติในเฮติ (MINUSTAH) | เจ้าหน้าที่ตำรวจ 19 นาย[40] | |
2550–2563 | ดาร์ฟูร์ | สงครามดาร์ฟูร์ | ปฏิบัติการผสมระหว่างสหภาพแอฟริกาและสหประชาชาติในดาร์ฟูร์ (UNAMID) | นายทหาร และทหารราบ 1 กองพัน (812 นาย) | นายทหาร ผลัดละ 15 นาย[40] และกองกำลังเฉพาะกิจ 980 ไทย/ดาร์ฟู |
2492–ปัจจุบัน | อินเดีย | กรณีพิพาทกัศมีร์ | คณะผู้แทนสังเกตการณ์ทางทหารของสหประชาชาติในอินเดียและปากีสถาน (UNMOGIP) | นายทหาร | มีการส่งกำลังพลสลับเปลี่ยนกันไปประจำการทุกปี ผลัดละประมาณ 5 นาย |
ปากีสถาน | |||||
2554–ปัจจุบัน | ซูดานใต้ | สงครามกลางเมืองซูดานใต้ | คณะผู้แทนสหประชาชาติในซูดานใต้ (UNMISS) | ทหารช่าง 1,092 นาย | กองร้อยทหารช่าง ผลัดละ 273 นาย[42][43] ปัจจุบันคือผลัดที่ 5[44] |
บทบาทของคนไทยในสหประชาชาติ
[แก้]บทบาทของคนไทยที่ได้เข้าร่วมในตำแหน่งต่าง ๆ ที่สำคัญของสหประชาชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประกอบไปด้วย[1]
ชื่อ-สกุล | ปี (พ.ศ.) | บทบาท |
---|---|---|
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ | 2499 | ประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยประชุมที่ 11 |
2501 | ประธานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล (UNCLOS) ครั้งที่ 1 | |
ถนัด คอมันตร์ | 2500 | ประธานคณะกรรมการภาวะทรัสตีแห่งสหประชาชาติ |
สิทธิ เศวตศิลา | 2528 | ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2528 ร่วมกันระหว่างสิทธิ เศวตศิลากับหม่อมหลวงพีระพงศ์ เกษมศรี |
หม่อมหลวงพีระพงศ์ เกษมศรี | ||
2529 | ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2529 | |
อานันท์ ปันยารชุน | 2546 | ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงด้านภัยคุกคาม ความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง (High Level Panel on Threats, Challenges and Change) วาระปี พ.ศ. 2546 |
ศุภชัย พานิชภักดิ์ | 2548–2552 | เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) วาระปี พ.ศ. 2548–2552 |
2553–2557 | เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) วาระปี พ.ศ. 2553–2557 | |
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา | 2554–2555 | ประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรม และความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 21 (CCPCJ) ธันวาคม พ.ศ. 2554 - ธันวาคม พ.ศ. 2555 |
สรรพสิทธิ์ คุ้มประพันธ์ | 2552–2555 | สมาชิกคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ (CRC) วาระปี พ.ศ. 2552–2555 |
สำลี เปลี่ยนบางช้าง | 2547–2552 | ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO/SEARO) วาระปี พ.ศ. 2547–2552 |
2552–2557 | ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO/SEARO) วาระปี พ.ศ. 2552–2557 | |
วิทิต มันตาภรณ์ | 2547–2553 | ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (United Nations Special Rapporteur on the Situation of Human Rights in the Democratic People's Republic of Korea) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ปี พ.ศ. 2547–2553 |
2548–2550 | ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านกระบวนการพิเศษแห่งสหประชาชาติ (Chairperson of the Coordinating Committee of the United Nations Special Procedures) ของสหประชาชาติ ปี พ.ศ. 2548–2550 | |
2554 | ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ (Chair of the International Commission of Inquiry on the Ivory Coast) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2554 | |
2554–2558 | กรรมการในคณะกรรมการที่ปรึกษาของกองทุนเพื่อความมั่นคงแห่งมนุษย์ (Member of the Advisory Board on Human Security) ของกองทุนเพื่อความมั่นคงแห่งมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Trust Fund for Human Security) พ.ศ. 2554–2558 | |
2555–2559 | กรรมการในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเทศซีเรีย (Commissioner on the Independent International Commission of Inquiry on Syria) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ พ.ศ. 2555–2559 | |
2564 | ผู้เสนอรายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศกัมพูชา (United Nations Special Rapporteur on the Situation of Human Rights in Cambodia) เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 | |
สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว | 2554–2555 | ประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council - HRC) วาระปี พ.ศ. 2554–2555 |
โสมสุดา ลียะวนิช | 2552–2556 | สมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก (WHC) วาระปี พ.ศ. 2552–2556 |
วิโรจน์ สุ่มใหญ่ | 2553–2558 | สมาชิกคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (INCB) วาระปี พ.ศ. 2553–2558 |
2558–2563 | ประธานและสมาชิกคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (INCB) วาระปี พ.ศ. 2558–2563 | |
เกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี | 2556–2559 | สมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ (ILC) วาระปี พ.ศ. 2556–2559 |
2560–2568 | ผู้พิพากษาศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ (ITLOS) วาระปี พ.ศ. 2560–2568 | |
วิลาวรรณ มังคละธนะกุล | 2566–2570 | สมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ (ILC) วาระปี พ.ศ. 2566–2570 |
มณเฑียร บุญตัน | 2556–2559 | สมาชิกคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) วาระปี พ.ศ. 2556–2559 |
2560–2563 | สมาชิกคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) วาระปี พ.ศ. 2560–2563 | |
เสาวลักษณ์ ทองก๊วย | 2564–2567 | สมาชิกคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) วาระปี พ.ศ. 2564–2567 |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 "ไทยกับสหประชาติ - กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ Department of International Organizations Ministry of Foreign Affairs". กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ Department of International Organizations Ministry of Foreign Affairs (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 Laika (29 ธันวาคม 2022). "บทที่ ๗ ไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๔๘๙ (ค.ศ. ๑๙๔๖)". vajirayana.org.
- ↑ "16 ธันวาคม 2489 - ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ". THE STANDARD. 16 ธันวาคม 2021.
- ↑ "ไทยกับยูเนสโก - กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ Department of International Organizations Ministry of Foreign Affairs". กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ Department of International Organizations Ministry of Foreign Affairs (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 5.7 "ติดต่อเรา | สหประชาชาติใน ประเทศไทย". thailand.un.org.
- ↑ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ทศวรรษแห่งการสร้างงานที่มีคุณค่าในเอเชีย (PDF). องค์การแรงงานระหว่างประเทศ.
- ↑ Asia, ILO Regional Office for; Building, the Pacific United Nations. "ILO in Asia and the Pacific (ILO in Asia and the Pacific)". www.ilo.org (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Contact Us". OHCHR (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 18 พฤศจิกายน 2019.
- ↑ "Asia and the Pacific". UNEP - UN Environment Programme (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 10.0 10.1 "Urbanization in Thailand: Building inclusive & sustainable cities". unhabitat.org.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 "Contact Us". UN Women – Asia-Pacific (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "HIV/AIDS Data Hub for the Asia Pacific". HIV/AIDS Data Hub for the Asia Pacific (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 13.0 13.1 "Contact us | United Nations Development Programme". UNDP (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 14.0 14.1 "Contact Us | United Nations Development Programme". UNDP (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 15.0 15.1 "UNFPA Asiapacific | Contact". asiapacific.unfpa.org.
- ↑ 16.0 16.1 "UNFPA Thailand | Contact". thailand.unfpa.org.
- ↑ "ติดต่อเรา – UNHCR Thailand". www.unhcr.org.
- ↑ "Thailand | UNHCR Asia Pacific". www.unhcr.org.
- ↑ 19.0 19.1 "UNHCR ในประเทศไทย – UNHCR Thailand". www.unhcr.org.
- ↑ "UNDRR Regional Office for Asia and the Pacific (ROAP)". www.undrr.org (ภาษาอังกฤษ). 1 กันยายน 2023.
- ↑ "Contact us | UNDRR". www.undrr.org (ภาษาอังกฤษ). 11 ธันวาคม 2019.
- ↑ 22.0 22.1 "Contact Us - Regional Office for Southeast Asia and the Pacific". United Nations : UNODC Regional Office for Southeast Asia and the Pacific (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 23.0 23.1 "Contact UNV". www.unv.org (ภาษาอังกฤษ). 9 กันยายน 2023.
- ↑ 24.0 24.1 "Asia and the Pacific". International Organization for Migration (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Thailand | ITC". intracen.org (ภาษาอังกฤษ). 30 มกราคม 2012.
- ↑ "พิธีเปิดสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU)". www.nbtc.go.th.
- ↑ 27.0 27.1 "ยูเนสโกเป็นใคร? ภารกิจของเราในเอเซียและแปซิฟิค - UNESCO Digital Library". unesdoc.unesco.org.
- ↑ "Contact us | UNICEF East Asia and Pacific". www.unicef.org (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Thailand | UNIDO". www.unido.org (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 30.0 30.1 "Asia". UNOPS (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
- ↑ 31.0 31.1 "Thailand". UNOPS (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
- ↑ ""กองพันพยัคฆ์น้อย" ทูตสันติภาพไทยในสงครามเกาหลี". สยามรัฐ. 17 มกราคม 2022.
- ↑ 33.0 33.1 33.2 "Korean War". www.thaiheritage.net.
- ↑ 34.0 34.1 "สงครามเกาหลี - องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก". องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
- ↑ รายงานกลุ่มการศึกษาดูงานในต่างประเทศ (Group Report) เรื่อง การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของสาธารณรัฐเกาหลี จัดทำโดย นบท. รุ่นที่ 10 (PDF). สถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ กระทรวงการต่างประเทศ. p. 24.
- ↑ "โปรดเกล้าฯ ให้ประดับเหรียญตราต่างประเทศ 'โคเรีย เซอร์วิส เมดัล' 9 ราย". ไทยโพสต์. 22 เมษายน 2023.
- ↑ "United Nations Command > Organization > UNC Honor Guard". www.unc.mil. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-11-26. สืบค้นเมื่อ 2023-11-10.
- ↑ "พล.อ.ประยุทธ์ วางพวงมาลาอนุสรณ์สงครามเกาหลีที่ปูซาน | ประชาไท Prachatai.com". prachatai.com.
- ↑ "ประเทศไทยกับการปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ". j3.rtarf.mi.th. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 มกราคม 2021. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2023.
- ↑ 40.00 40.01 40.02 40.03 40.04 40.05 40.06 40.07 40.08 40.09 40.10 40.11 40.12 40.13 40.14 40.15 40.16 40.17 40.18 40.19 ปฏิบัติการรักษาสันติภาพในกรอบของสหประชาชาติ (PDF). ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 กองทัพบก.
- ↑ "ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบุรุนดี". สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "ไทยส่งทหาร 273 นาย ร่วมภารกิจสันติภาพกับยูเอ็นในซูดานใต้นาน 1 ปี". mgronline.com. 20 ธันวาคม 2018.
- ↑ "ทบ.เดินหน้าภารกิจรักษาสันติภาพในเซาท์ซูดาน". Thai PBS.
- ↑ "ผบ.ทสส. ส่ง 273 ทหารไทย ผลัดที่ 5 ร่วมภารกิจรักษาสันติภาพเซาท์ซูดาน". www.thairath.co.th. 2024-08-15.