แฟลนเนอรี โอคอนเนอร์
แฟลนเนอรี โอคอนเนอร์ | |
---|---|
เกิด | แมรี แฟลนเนอรี โอคอนเนอร์ 25 มีนาคม ค.ศ. 1925 ซาวานนาห์, รัฐจอร์เจีย, สหรัฐอเมริกา |
เสียชีวิต | 3 สิงหาคม ค.ศ. 1964 มิลเลดจ์วิลล์, รัฐจอร์เจีย, สหรัฐอเมริกา | (39 ปี)
อาชีพ | นักเขียน |
สัญชาติ | อเมริกัน |
ช่วงเวลา | ค.ศ. 1946–64 |
แนว | เซาเทิร์นกอทิก |
แนวร่วมในทางวรรณคดี | สัจนิยมศาสนาคริสต์ |
แมรี แฟลนเนอรี โอคอนเนอร์ (อังกฤษ: Mary Flannery O'Connor; 25 มีนาคม ค.ศ. 1925 – 3 สิงหาคม ค.ศ. 1964) เป็นนักเขียนแนวเซาเทิร์นกอทิกชาวอเมริกัน ผลงานของเธอมักมีฉากในชนบท มีตัวละครที่แปลกประหลาดและสะท้อนถึงศรัทธาในคริสตจักรโรมันคาทอลิก รวมถึงการตั้งคำถามในด้านศีลธรรมและจริยธรรม[1]
ประวัติ
แฟลนเนอรี โอคอนเนอร์เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1925 ที่เมืองซาวานนาห์ในรัฐจอร์เจีย เป็นบุตรสาวคนเดียวของเอ็ดเวิร์ด ฟรานซิส โอคอนเนอร์กับเรจินา ไคลน์[2] ในปี ค.ศ. 1940 ครอบครัวของโอคอนเนอร์ย้ายไปอยู่ที่เมืองมิลเลดจ์วิลล์ เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมพีบอดีและเป็นบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ของหนังสือพิมพ์โรงเรียน ก่อนจะเรียนต่อที่วิทยาลัยสตรีรัฐจอร์เจีย (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยจอร์เจีย) ขณะเรียนอยู่ที่นั่น เธอวาดภาพการ์ตูนให้กับหนังสือพิมพ์ของนักศึกษา[3] โอคอนเนอร์เรียนจบด้านสังคมวิทยาในปี ค.ศ. 1945
ปีต่อมา เธอเรียนต่อหลักสูตรการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของมหาวิทยาลัยไอโอวา ที่นั่นเธอได้เริ่มร่างนิยายเรื่อง Wise Blood ซึ่งต่อมาเป็นนิยายเรื่องแรกของเธอ โอคอนเนอร์เรียนจบในปี ค.ศ. 1947[4] ต่อมาในปี ค.ศ. 1949 เธอตอบรับคำเชิญให้มาอาศัยอยู่กับรอเบิร์ต ฟิตซ์เจอรัลด์และแซลลี ภรรยาของเขาที่เมืองริดจ์ฟิลด์ รัฐคอนเนตทิคัต[5] ในปี ค.ศ. 1952 เธอตีพิมพ์นิยายเรื่อง Wise Blood ซึ่งภายหลังหนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียน จัดให้อยู่ในอันดับที่ 62 ของนิยาย 100 เรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด[6] โอคอนเนอร์ยังมีผลงานอื่น ๆ เช่น นิยายเรื่อง The Violent Bear It Away (ค.ศ. 1960), รวมเรื่องสั้น A Good Man Is Hard to Find and Other Stories (ค.ศ. 1955), Everything That Rises Must Converge (ค.ศ. 1965) และ The Complete Stories (ค.ศ. 1971) โดย The Complete Stories เป็นการรวมเรื่องสั้นสองเรื่องก่อนหน้าและต่อมาได้รับรางวัลหนังสือแห่งชาติ สาขานวนิยายในปี ค.ศ. 1972[7]
นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียนแล้ว โอคอนเนอร์ยังเป็นที่รู้จักจากจดหมายที่เธอติดต่อกับบุคคลอื่น ๆ [8] เช่น รอเบิร์ต โลเวลล์และเอลิซาเบธ บิชอป กวีชาวอเมริกัน[9], ซามูเอล แอชลีย์ บราวน์ ศาสตราจารย์ด้านวรรณคดีแห่งมหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนา[9], มาร์ยาต ลี นักเขียนบทละครชาวอเมริกัน[10] และเบตตี เฮสเทอร์ เสมียนจากเมืองแอตแลนตา[11] หลังโอคอนเนอร์เสียชีวิต แซลลี ฟิตซ์เจอรัลด์ได้รวบรวมจดหมายแล้วตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ The Habit of Being[12][9]
ในปี ค.ศ. 1952 โอคอนเนอร์พบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง[13] ซึ่งเป็นโรคเดียวกับที่คร่าชีวิตบิดาของเธอ[14] โอคอนเนอร์เสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโรคลูปัสขณะผ่าตัดเนื้องอกในปี ค.ศ. 1964[15]
อ้างอิง
- ↑ "Flannery O'Connor - American writer". Britannica. สืบค้นเมื่อ June 20, 2017.
- ↑ O'Connor 1979, p. 3; O'Connor 1979, p. 233: "My papa was a real-estate man" (letter to Elizabeth Fenwick Way, August 4, 1957); Gooch 2009, p. 29.
- ↑ "A fresh look at Flannery O'Connor". The Guardian. สืบค้นเมื่อ June 20, 2017.
- ↑ Fitzgerald 1965, p. xii.
- ↑ O'Connor 1979, p. 4.
- ↑ McCrum, Robert (2003-10-12). "The 100 greatest novels of all time: The list". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2014-03-24.
- ↑
"National Book Awards – 1972". National Book Foundation. Retrieved 2012-03-30.
(With essays by Alice Elliott Dark and others (five) from the Awards 60-year anniversary blog.) - ↑ O'Connor 1979, pp. xii–xiv, xvi, xvii.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 O'Connor 1979 passim.
- ↑ O'Connor 1979, p. 193 : "There are no other letters among Flannery's like those to Maryat Lee, none so playful and so often slambang."
- ↑ "Flannery O'Connor's Private Life Revealed in Letters". NPR. สืบค้นเมื่อ June 20, 2017.
- ↑ "Emory unseals letters from O'Connor to longtime correspondent Betty Hester". Emory University. สืบค้นเมื่อ June 20, 2017.
- ↑ O'Connor 1979, p. 40 (letter to Sally Fitzgerald, undated, summer 1952)
- ↑ Giannone 2012, p. 23.
- ↑ "Flannery O'Connor (1925-1964)". New Georgia Encyclopedia. สืบค้นเมื่อ June 20, 2017.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ แฟลนเนอรี โอคอนเนอร์
- "Flannery O'Connor - Biography". Biography.com.