สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากคุณละเมิดนโยบายของ YouTube
ผู้จัดการเนื้อหาที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายของ YouTube อาจได้รับคำเตือนอย่างเป็นทางการหาก YouTube ตัดสินว่าการใช้งาน CMS ในทางที่ผิดเกิดจากความประมาท ความจงใจ หรือเป็นอันตราย นอกจากนี้ YouTube ยังอาจนำเนื้อหาที่โฮสต์หรือส่งซึ่งละเมิดข้อกำหนดหรือนโยบายของ YouTube ออกด้วย คำเตือนอย่างเป็นทางการอาจส่งผลต่อสิทธิ์ของบริษัทในบางโปรแกรมของ YouTube และฟีเจอร์ CMS บางรายการ จึงควรมีการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเข้าถึงระบบของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต และเพื่อปฏิบัติตามนโยบาย หลักเกณฑ์ รวมถึงข้อกำหนดทั้งหมดของ YouTube
การสูญเสียสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ของ CMS
นอกเหนือจากคำเตือนอย่างเป็นทางการแล้ว พาร์ทเนอร์ที่ละเมิดหรือใช้ฟีเจอร์ CMS ในทางที่ผิดยังอาจเสียสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์เหล่านั้นหรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย การสูญเสียสิทธิ์เช่นนี้มักเป็นแบบชั่วคราวและมีระยะเวลาตามที่กำหนด นอกจากนี้เรายังอาจจำกัดการเข้าถึงฟีเจอร์ CMS ชั่วคราวเพื่อป้องกันอันตรายซึ่งหน้าต่อระบบนิเวศของการจัดการเนื้อหาอีกด้วย ระยะเวลาที่พาร์ทเนอร์ต้องรอก่อนที่จะมีสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ได้อีกครั้งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรุนแรงของการละเมิด สาเหตุของการละเมิด ผลกระทบต่อธุรกิจของพาร์ทเนอร์ และประวัติการละเมิดของพาร์ทเนอร์ ในบางกรณี เราอาจพิจารณาว่าการสูญเสียฟีเจอร์บางรายการอย่างถาวรเป็นการตัดสินที่เหมาะสม โดยผู้จัดการพาร์ทเนอร์ของคุณจะมีข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดเฉพาะและขั้นตอนถัดไป หากไม่มีผู้จัดการพาร์ทเนอร์ โปรดติดต่อทีมสนับสนุนครีเอเตอร์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
ความรับผิดชอบของคุณในฐานะผู้จัดการเนื้อหา
ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ของ YouTube คือชุดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศของ YouTube ได้หากใช้อย่างไม่เหมาะสม ผู้จัดการเนื้อหามีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าเนื้อหาที่โฮสต์และส่งทั้งหมด (เช่น ช่อง, วิดีโอ, แทร็กภาพ, ข้อมูลเมตาของเนื้อหา, ข้อมูลอ้างอิง Content ID ฯลฯ) เป็นไปตามนโยบายและหลักเกณฑ์ทั้งหมดของ YouTube ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดในการให้บริการ หลักเกณฑ์ของชุมชน ข้อกำหนดในการสร้างรายได้ และนโยบายระบบจัดการเนื้อหา
การละเมิดซ้ำและการละเมิดอย่างร้ายแรง
เราให้ความสำคัญกับนโยบายเหล่านี้อย่างจริงจัง พาร์ทเนอร์ที่ละเมิดนโยบายระบบจัดการเนื้อหาซ้ำหลายครั้งหรือละเมิดในขั้นร้ายแรงจะได้รับบทลงโทษที่รุนแรงยิ่งขึ้น บทลงโทษเหล่านี้อาจรวมถึงการสูญเสียสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติมของ CMS การสูญเสียฟีเจอร์บางอย่างเป็นเวลานานขึ้น หรือการสูญเสียสิทธิ์เข้าถึง CMS โดยสิ้นเชิง และการสิ้นสุดสัญญาใดๆ กับ YouTube
ในบางกรณี เราอาจออก "คำเตือนครั้งสุดท้าย" เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ผู้จัดการเนื้อหาที่ได้รับคำเตือนครั้งสุดท้ายอย่างเป็นทางการจะเสียสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ของ CMS ส่วนใหญ่จนกว่าจะผ่านการตรวจสอบการละเมิดในปีถัดไป การละเมิดนโยบายระบบจัดการเนื้อหาเพิ่มเติมในปีต่อๆ ไป รวมถึงการไม่ยื่นคำขอและไม่ผ่านการตรวจสอบการละเมิดจะทำให้เสี่ยงต่อการสิ้นสุดสัญญา
การเป็นเจ้าของสำหรับเจ้าของเนื้อหาหลายราย
โปรดทราบว่าหากคุณมีส่วนควบคุมในระบบจัดการเนื้อหาหลายรายการบน YouTube การละเมิดที่เกิดขึ้นในระบบจัดการเนื้อหาหนึ่งอาจส่งผลให้มีการลงโทษในระบบจัดการเนื้อหาทั้งหมดที่คุณเป็นเจ้าของ
นโยบายระบบจัดการเนื้อหาทั่วไป
นโยบายเหล่านี้มีผลบังคับใช้กับพาร์ทเนอร์ทุกรายที่มีสิทธิ์เข้าถึง YouTube CMS
ผู้จัดการเนื้อหามีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าช่องทั้งหมดที่ลิงก์เป็นไปตามนโยบายและหลักเกณฑ์ด้านเนื้อหาของ YouTube โดยนโยบายนี้จะมีผลทั้งกับเนื้อหาที่อัปโหลดไปยังช่องที่เป็นเจ้าของและดำเนินการเอง (O&O) รวมถึงช่องแอฟฟิลิเอต
ข้อกำหนดด้านนโยบาย
- ผู้จัดการเนื้อหาจะต้องถูกดำเนินการเกี่ยวกับการละเมิดไม่เกิน 30 ครั้ง (เช่น การสิ้นสุด การระงับ หรือการระงับการสร้างรายได้) ในช่วงเวลา 90 วัน โดยนโยบายนี้จะมีผลกับช่องทั้งในบัญชีของบริษัทในเครือและที่ไม่ใช่ของบริษัทในเครือ
- ผู้จัดการเนื้อหาจะต้องถูกดำเนินการเกี่ยวกับการละเมิดระดับช่องไม่เกิน 10 ครั้งในบัญชีที่ไม่ใช่ของบริษัทในเครือในช่วงเวลา 90 วัน
การละเมิดนโยบาย
การละเมิดเกินเกณฑ์ข้างต้นจะถือเป็นการละเมิดนโยบายนี้ 1 ครั้ง การละเมิดครั้งแรกในช่วงเวลา 90 วันจะส่งผลให้มีการระงับเป็นเวลา 1 เดือน โดยคุณจะสร้างหรือลิงก์ช่องใหม่กับระบบจัดการเนื้อหาในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ได้
การละเมิดครั้งที่ 2 ในช่วงเวลา 90 วันจะส่งผลให้มีการระงับเป็นเวลา 2 เดือน ส่วนการละเมิดครั้งที่ 3 ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายจะส่งผลให้ได้รับบทลงโทษ ซึ่งอาจรวมถึงการระงับในระยะยาว หรือการสิ้นสุดสัญญากับ YouTube
สิ่งที่คุณทำได้เพื่อปฏิบัติตามนโยบายมีดังนี้
- ให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube และหลักเกณฑ์สำหรับเนื้อหาที่เป็นมิตรกับผู้ลงโฆษณาแก่ช่องที่คุณจัดการ รวมถึงตรวจสอบว่าช่องเหล่านั้นปฏิบัติตามข้อกำหนดในการให้บริการของ YouTube
- หมั่นตรวจหาการละเมิด โดยเฉพาะในบัญชีที่เพิ่งลิงก์
- ส่งออกรายการช่องเป็นประจำเพื่อตรวจสอบจำนวนการสิ้นสุดการดำเนินงานของช่องในระบบจัดการเนื้อหา
- อย่าลิงก์ช่องกับระบบจัดการเนื้อหามากเกินกว่าที่จัดการได้
- ตรวจสอบช่องอย่างละเอียดก่อนเพิ่มลงในระบบจัดการเนื้อหา
ข้อกำหนดของนโยบายมีดังนี้
- ผู้จัดการเนื้อหาต้องรักษาอัตราการตอบรับคำเชิญในการลิงก์ช่องให้สูงกว่า 90% ในแต่ละเดือน
- หากผู้จัดการเนื้อหามีอัตราการตอบรับคำเชิญต่ำกว่า 90% เราอาจควบคุมคำเชิญของช่องภายใต้กลุ่มเจ้าของเนื้อหาทั้งกลุ่มของผู้จัดการเนื้อหานั้นเป็นเวลา 1 เดือน
สิ่งที่คุณทำได้เพื่อปฏิบัติตามนโยบายมีดังนี้
- ส่งคำเชิญในช่วงต้นเดือน ซึ่งจะทำให้ครีเอเตอร์มีเวลาพอที่จะตอบรับคำเชิญ
- ส่งคำเชิญไปยังช่องที่คุณรู้จักและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับคุณจริงๆ เท่านั้น
- ติดต่อและเตือนให้ครีเอเตอร์ตอบรับคำเชิญหากจำเป็น
ข้อกำหนดของนโยบายมีดังนี้
- ผู้จัดการเนื้อหาไม่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในดำเนินการใดๆ ที่ถือเป็นการพยายามหลีกเลี่ยงหรือแทรกแซงระบบ กระบวนการ หรือนโยบายของ YouTube
- การละเมิดนโยบายนี้อาจถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรง และอาจส่งผลให้มีการสิ้นสุดกลุ่มเจ้าของเนื้อหาทั้งหมด
ตัวอย่างของการละเมิดนโยบายอาจรวมถึงการกระทำดังต่อไปนี้
- การใช้ CMS เพื่อสร้างรายได้อย่างไม่เหมาะสมจากเนื้อหาที่ไม่มีสิทธิ์ในการสร้างรายได้บน YouTube ซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่ละเมิดหลักเกณฑ์ชุมชนและความปลอดภัยของแบรนด์ ตลอดจนเนื้อหาที่ผิดกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
- การเพิ่มความเป็นเจ้าของด้วยตนเองลงในเนื้อหา Content ID ที่คุณไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้เป็นการชั่วคราวก็ตาม
- การใช้การอ้างสิทธิ์ Content ID ด้วยตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนการระงับข้อพิพาทการอ้างสิทธิ์
- การรวมช่องไว้ใน CMS โดยไม่ได้รับอนุมัติจาก YouTube ในกรณีที่ต้องได้รับอนุมัติก่อน
-
การใช้หรือการรับประโยชน์จากการแสวงหาผลประโยชน์ หรือการร่วมใช้เทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มรายได้บน YouTube ด้วยวิธีที่เป็นการฉ้อโกงหรือไม่ถูกต้อง
ข้อกำหนดของนโยบายมีดังนี้
สิ่งที่คุณทำได้เพื่อปฏิบัติตามนโยบายมีดังนี้
- ใช้ความระมัดระวังในการเลือกช่องใหม่ที่จะจัดการ หลีกเลี่ยงการเพิ่มช่องที่อาจทำให้จำนวนประกาศเตือนทั้งหมดของคุณเกินกำหนด
- พาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีช่องในเจ้าของเนื้อหา O&O ต่ำกว่า 120 ช่อง
- ให้ความรู้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์แก่ช่องที่คุณจัดการ และตรวจสอบว่าช่องเหล่านั้นปฏิบัติตามนโยบายต่างๆ ของ YouTube
- ตรวจสอบว่าคุณมีการควบคุมภายในที่เหมาะสมเมื่อช่องที่จัดการมีจำนวนเพิ่มขึ้น
- ผู้จัดการเนื้อหามีหน้าที่รับผิดชอบต่อการดำเนินการทั้งหมดที่กระทำโดยใช้บัญชี CMS ของตน
- ตรวจสอบว่ามีกระบวนการป้องกันที่คอยตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของนโยบายและการเข้าถึงของพนักงานอย่างเพียงพอ โดยบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการที่กระทำโดยพนักงานแต่ละคน
- นโยบายนี้มีผลกับบริษัทบุคคลที่สามที่ได้รับการว่าจ้างให้บริหารจัดการบัญชี CMS ด้วย
- เราไม่อนุญาตให้มีการมอบสิทธิ์เข้าถึงบัญชี CMS แก่บุคคลที่สามที่ไม่ใช่บริษัทในเครือหรือที่ไม่ได้รับอนุญาตเพื่อแลกกับค่าตอบแทนหรือสิ่งตอบแทนอื่นๆ โดยเด็ดขาด
- ห้ามทำการเช่า ปล่อยให้เช่า หรือจำหน่ายสิทธิ์เข้าถึงบัญชี CMS
- หากคุณเป็นพาร์ทเนอร์กับบุคคลที่สามเพื่อให้บริหารจัดการบัญชี CMS แทนคุณ องค์กรดังกล่าวจะต้องมีข้อตกลงสำหรับพาร์ทเนอร์โดยตรงกับเรา
- ห้ามมอบสิทธิ์เข้าถึงบัญชี CMS ให้แก่องค์กร (หรือบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้อง) ซึ่งเคยมีประวัติการละเมิด
- หาก YouTube พบว่ามีผู้ที่ไม่ใช่บริษัทในเครือหรือไม่ได้รับอนุญาตได้รับสิทธิ์เข้าถึงบัญชี CMS ของคุณ YouTube อาจดำเนินการต่างๆ เช่น YouTube อาจเพิกถอนสิทธิ์เข้าถึงของบุคคลธรรมดาหรือสิ้นสุดสัญญาที่เกี่ยวข้อง
- เช่น บทสัมภาษณ์ศิลปินอาจถือว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
- พาร์ทเนอร์เพลงที่มีเนื้อหาที่ไม่ใช่เพลงควรพูดคุยเรื่องวิธีแก้ปัญหาที่อาจใช้ได้กับผู้จัดการพาร์ทเนอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ความสามารถในการลิงก์ช่อง
นโยบายสำหรับ Content ID
นโยบายเหล่านี้ใช้กับพาร์ทเนอร์ที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบการจับคู่ Content ID ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเข้าร่วม Content ID ได้ในศูนย์ช่วยเหลือ
ข้อกำหนดด้านนโยบาย
- คุณต้องมีสิทธิ์เฉพาะตัวสำหรับเนื้อหาในไฟล์อ้างอิงในเขตแดนที่คุณอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ
- ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่มีสิทธิ์ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงมีดังนี้
- เนื้อหาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์โดยไม่จำกัดแต่เพียงผู้เดียวจากบุคคลที่สาม เช่น การออกอากาศการแข่งขันกีฬาครั้งสำคัญในภูมิภาค
- เนื้อหาที่เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์หรือสัญญาอนุญาตแบบเปิด/เสรีที่คล้ายคลึงกัน
- ฟุตเทจ การบันทึก หรือบทประพันธ์เพลงที่เป็นสาธารณสมบัติ
- คลิปจากแหล่งที่มาอื่นๆ ซึ่งใช้ภายใต้หลักเกณฑ์ของหลักการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม
- เนื้อหาที่จำหน่ายหรือได้รับอนุญาตให้รวมเข้ากับงานอื่นๆ เป็นจำนวนมาก เช่น เพลงสำหรับถ่ายทำ
- ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่มีสิทธิ์ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงมีดังนี้
ข้อกำหนดนี้มีผลกับทั้งองค์ประกอบภาพและเสียงของข้อมูลอ้างอิง เช่น หากข้อมูลอ้างอิงภาพและเสียงของคุณมีเสียงของบุคคลที่สามที่ไม่ได้รับอนุญาต คุณควรนำเนื้อหาดังกล่าวออกก่อนส่ง
- ไฟล์อ้างอิงทั้งหมดต้องมีความแตกต่างอย่างเพียงพอเพื่อให้ระบบจับคู่เนื้อหาที่ตรงกันได้ถูกต้อง
- ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่มีสิทธิ์ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงมีดังนี้
- การบันทึกคาราโอเกะ รีมาสเตอร์ และการบันทึกเสียงเลียนแบบ
- เอฟเฟกต์เสียง ซาวด์เบด หรือการวนซ้ำโปรดักชั่น
- ไฟล์บันทึกเสียงจากเนื้อหาที่เป็นสาธารณสมบัติหรือเนื้อหาของบุคคลที่สามซึ่งมีความคล้ายคลึงกับไฟล์บันทึกเสียงอื่นๆ ของเนื้อหานั้น เช่น ดนตรีคลาสสิกหรือรีมิกซ์บางรายการ
- ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่มีสิทธิ์ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงมีดังนี้
- ไฟล์อ้างอิงทั้งหมดต้องแสดงถึงทรัพย์สินทางปัญญาแต่ละรายการ
- ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่มีสิทธิ์ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงมีดังนี้
- การรวบรวมเพลงหรือเนื้อหาวิดีโอแบบสั้น
- แมชอัปหรือมิกซ์ดีเจแบบต่อเนื่อง
- รายการนับถอยหลังหรือการบันทึกเสียงแบบเต็มอัลบั้ม
- ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่มีสิทธิ์ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงมีดังนี้
- ไฟล์อ้างอิงทั้งหมดที่ใช้ในการสร้างรายได้จากเนื้อหาต้องเป็นไปตามนโยบายเนื้อหาของ YouTube
- นโยบายเหล่านี้ได้แก่หลักเกณฑ์ของชุมชนและนโยบายการสร้างรายได้
ข้อจำกัดพิเศษในเนื้อหาวิดีโอเกม
- มีเพียงผู้เผยแพร่วิดีโอเกมเท่านั้นที่สามารถแสดงข้อมูลอ้างอิงพร้อมฟุตเทจของเกมเพลย์หรือซาวด์แทร็กต้นฉบับของวิดีโอเกม (OST)
- ซาวด์แทร็กต้นฉบับของวิดีโอเกมคือการบันทึกเสียงที่สร้างขึ้นสำหรับวิดีโอเกมโดยเฉพาะ และไม่ใช่แทร็กที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในเกม
- นโยบายนี้รวมถึง VOD ของเนื้อหาวิดีโอเกมซึ่งเป็นสตรีมแบบสดด้วย
- ใช้ Copyright Match Tool หรือการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองเพื่อปกป้องเนื้อหานี้
- เนื้อหาการบันทึกเสียงทั้งหมดสำหรับเพลงคัฟเวอร์จากซาวด์แทร็กต้นฉบับของวิดีโอเกมต้องใช้นโยบายแบบ "กำหนดไว้เพื่อให้ตรวจสอบ"
- การจับคู่ทำนองเพลงกับบทประพันธ์เพลงที่ฝังอาจทำให้เกิดการอ้างสิทธิ์ที่ไม่เหมาะสมหลายรายการ ซึ่งขัดแย้งกับความต้องการของผู้เผยแพร่วิดีโอเกม
ข้อกำหนดของนโยบายมีดังนี้
- ผู้จัดการเนื้อหาทุกคนต้องทำให้ข้อมูลอ้างอิง Content ID ที่ไม่ถูกต้องในแคตตาล็อกของเจ้าของเนื้อหาต่ำกว่า 1% และไม่เกิน 500 รายการภายในช่วงเวลา 30 วัน
- เจ้าของเนื้อหาที่มีข้อมูลอ้างอิงที่ไม่ถูกต้องเกินเกณฑ์ที่กำหนดอาจถูกควบคุมหรือปิดการใช้งานการนำส่งข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเอง
การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้จัดการเนื้อหาอ้างสิทธิ์ในวิดีโอที่มีเนื้อหาของตนได้ด้วยตนเอง ซึ่งควรใช้เฉพาะกรณีที่ต้องการอุดช่องโหว่ของการอ้างสิทธิ์สำหรับเนื้อหาที่มีสิทธิ์ใช้งาน Content ID แต่กลับไม่มีการอ้างสิทธิ์โดยอัตโนมัติ หากเนื้อหาประเภทหนึ่งๆ ไม่มีสิทธิ์สำหรับ Content ID คุณก็ไม่ควรใช้การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองในเนื้อหานั้น
เฉพาะพาร์ทเนอร์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือสำหรับการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเอง เราต้องการให้ระบบนิเวศนี้เป็นระบบที่ดี มีความเป็นธรรม และสอดคล้องกับหลักเสรีภาพ 4 ด้านของ YouTube การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองจึงต้องมีข้อกำหนดในการใช้งานที่เข้มงวด
ข้อจำกัดเกี่ยวกับเนื้อหาที่คุณอ้างสิทธิ์ได้
ข้อกำจัด | รายละเอียด |
---|---|
อ้างสิทธิ์ในวิดีโอที่มีเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ซึ่งคุณเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น | อ้างสิทธิ์เฉพาะเนื้อหาที่ปรากฏในวิดีโอที่อัปโหลดเท่านั้น อย่าอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองในเนื้อหา (หรือบางส่วนของเนื้อหา) ที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ
|
ใช้การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองเฉพาะกับเนื้อหาที่มีแนวโน้มว่าอ้างสิทธิ์ได้ด้วยการจับคู่ Content ID เท่านั้น |
ระบบการจับคู่ของ Content ID รองรับเฉพาะการอ้างสิทธิ์การจับคู่เสียง ภาพ และทำนองเพลงระหว่างวิดีโอของผู้อัปโหลดกับเนื้อหาอ้างอิงที่ระบุโดยพาร์ทเนอร์เท่านั้น นอกจากนี้ การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองทั้งหมดยังต้องสอดคล้องกับฟังก์ชันการทำงานหลักนี้ด้วย อย่าอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองในวิดีโอโดยอิงจากภาพปกหรือภาพนิ่ง
Content ID รองรับเฉพาะการจัดการสิทธิ์สำหรับบทประพันธ์เพลงเท่านั้น โดยไม่รวมถึงผลงานรูปแบบอื่นๆ จากการเขียนหรือสคริปต์ สำหรับการใช้งานในกรณีอื่นๆ ขอแนะนำให้ส่งคำขอให้ลบออกตามกฎหมาย หรือการร้องเรียนเรื่องความเป็นส่วนตัว |
อย่าใช้การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองในวิดีโอที่มีการอ้างสิทธิ์อยู่หรือเคยมีการอ้างสิทธิ์ก่อนหน้านี้แล้วด้วยเนื้อหาที่ใช้ในการจับคู่ Content ID สำหรับเนื้อหาเดียวกัน | ข้อจำกัดนี้รวมถึงการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองในวิดีโอที่เคยมีการโต้แย้งการอ้างสิทธิ์ก่อนหน้านี้ได้สำเร็จสำหรับเนื้อหาเดียวกัน การสร้างการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองซ้ำๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการอ้างสิทธิ์ให้สำเร็จอาจถือเป็นการละเมิดนโยบายเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงระบบอย่างร้ายแรง |
อย่าใช้การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองเพื่อสร้างข้อตกลงส่วนแบ่งรายได้ที่ไม่ถูกต้องท่ามกลางการอ้างสิทธิ์ที่มีอยู่ในวิดีโอ | การละเมิดนโยบายนี้อาจถือเป็นการละเมิดนโยบายเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงระบบอย่างร้ายแรง |
อย่าอ้างสิทธิ์วิดีโอด้วยตนเองหากควรใส่หรือมีการใส่การเป็นเจ้าของของคุณไว้ในเนื้อหาอื่นๆ ที่ใช้ในการจับคู่ Content ID อยู่แล้ว | อย่าอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองต่อบทประพันธ์ในส่วนใดส่วนหนึ่งของวิดีโอ หากวิดีโอส่วนดังกล่าวมีการอ้างสิทธิ์จากเนื้อหาการบันทึกเสียงที่มีบทประพันธ์ของคุณอยู่แล้ว คุณควรใส่การเป็นเจ้าของบทประพันธ์ไว้ในการบันทึกเสียงทุกครั้งที่เป็นไปได้ |
ข้อจำกัดเกี่ยวกับวิธีการที่คุณอ้างสิทธิ์เนื้อหา
ข้อจำกัด | รายละเอียด |
---|---|
ก่อนส่งการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเอง คุณต้องตรวจสอบเนื้อหาที่จะอ้างสิทธิ์เองด้วย |
ระบบไม่อนุญาตให้ดำเนินการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองแบบอัตโนมัติ ดูนโยบายการดำเนินการด้วยตนเอง |
เนื้อหาทั้งหมดที่ใช้ในการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองต้องมีข้อมูลเมตาที่ถูกต้องซึ่งมนุษย์อ่านได้และต้องมีเนื้อหาอ้างอิงที่ถูกต้อง | มีข้อยกเว้นประการเดียวคือเมื่อข้อมูลอ้างอิงสำหรับเนื้อหาที่อ้างสิทธิ์ไม่เหมาะสมสำหรับการจับคู่หรือเป็นเนื้อหาที่ไม่ได้รับอนุญาตตามนโยบายการอ้างอิงของเรา
แม้ว่าเนื้อหาเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้การอ้างอิง แต่การอ้างสิทธิ์ทั้งหมดจะต้องเป็นการอ้างสิทธิ์ในเนื้อหาเดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากเนื้อหาอื่นๆ ที่ไม่ได้อ้างสิทธิ์ รวมถึงมีข้อมูลเมตาที่อธิบายอย่างถูกต้อง (เช่น ไม่มีเนื้อหา "แบบเหมารวม" หรือ "ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด") |
เนื้อหาที่ใช้ในการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองต้องสื่อถึงขอบเขตการเป็นเจ้าของอย่างถูกต้อง | ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นผู้ออกอากาศเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตระดับภูมิภาค แต่ต้องการอ้างสิทธิ์ในเนื้อหาดังกล่าวที่ได้รับการอัปโหลดซ้ำ คุณจะใช้การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองเพื่อใช้นโยบายการบล็อกทั่วโลกไม่ได้หากคุณไม่มีสิทธิ์ในเนื้อหานั้นระดับทั่วโลก นอกจากนี้ผู้ออกอากาศอาจมีสิทธิ์แสดงเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตในภูมิภาคหนึ่งๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ออกอากาศรายนั้นจะมีสิทธิ์ในการอ้างสิทธิ์ในวิดีโอที่มีเนื้อหาดังกล่าวในภูมิภาคนั้นเสมอไป |
การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองทั้งหมดต้องระบุการประทับเวลาที่ตรงกับตำแหน่งของเนื้อหาที่มีการอ้างสิทธิ์ในวิดีโอ | ส่วนที่มีการจับคู่แต่ละส่วนต้องระบุการประทับเวลาแยกกันต่างหาก การจงใจระบุการประทับเวลาที่ไม่ถูกต้องหรือการระบุการประทับเวลาที่ไม่ถูกต้องซ้ำๆ อาจถือเป็นการละเมิดนโยบายของเราอย่างรุนแรง |
อย่าใช้นโยบาย "สร้างรายได้" ในการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองกับเนื้อหาที่ละเมิดหลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube และความปลอดภัยของแบรนด์ | การกระทำนี้อาจถือเป็นการละเมิดนโยบายเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงระบบ อ่านเพิ่มเติมที่นี่ |
การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองสำหรับเนื้อหาเสียงที่ปรากฏในวิดีโอเพียงระยะเวลาสั้นๆ จะสามารถใช้นโยบายการสร้างรายได้ในกรณีที่จำกัดเท่านั้น | โดยทั่วไปแล้ว การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองสำหรับการใช้เนื้อหาเสียงท่อนสั้นๆ จะใช้ได้เฉพาะนโยบายการบล็อกหรือการติดตาม เว้นแต่ว่าเนื้อหาที่อ้างสิทธิ์จะมีลักษณะดังนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิดีโอรวมคลิป การจัดอันดับเพลง หรือคำท้าเกี่ยวกับเพลง
|
การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองสำหรับการใช้เนื้อหาเสียง "โดยไม่เจตนา" อาจไม่สามารถใช้นโยบาย "สร้างรายได้" แต่ยังคงใช้นโยบาย "การติดตาม" หรือ "การบล็อก" ได้ตามปกติเมื่อมีการใช้เนื้อหาของคุณ | เรากระทำตามวัตถุประสงค์ของนโยบายนี้โดยให้คำจำกัดความของ "การใช้โดยไม่เจตนา" ไว้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างของการใช้เนื้อหาเสียง "โดยไม่เจตนา" มีดังนี้
ตัวอย่างของการใช้เนื้อหาเสียงที่ไม่นับว่าเป็นการใช้โดยไม่เจตนามีดังนี้
|
Content ID และการบล็อกเนื้อหาที่เป็นการวิจารณ์เชิงลบด้วยตนเอง
- "เป็นการวิจารณ์เชิงลบ" หมายถึงวัตถุประสงค์ในการใช้เนื้อหาเพื่อวิจารณ์และ/หรือนำเสนอเนื้อหา หัวข้อ ครีเอเตอร์ หรือผู้ถือสิทธิ์ของเนื้อหาในทางลบหรือไม่พึงปรารถนา
- "การดำเนินการด้วยตนเอง" รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการใช้การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองหรือการเปลี่ยนนโยบายของการอ้างสิทธิ์ที่มีอยู่เพื่อบล็อก
- หากเชื่อว่าเนื้อหาดังกล่าวละเมิดผลงานที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ของคุณ ให้ส่งคำขอให้ลบออกตาม DMCA แทน
- หากคำขอให้ลบออกตาม DMCA ถูกปฏิเสธ คุณจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การดำเนินการด้วยตนเองเพื่ออ้างสิทธิ์เนื้อหา ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเพิ่มการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองและการตั้งนโยบายการบล็อกในเนื้อหา
เคล็ดลับในการหลีกเลี่ยงปัญหามีดังนี้
- ติดตามการอ้างสิทธิ์ที่คุณ "บล็อกเท่านั้น" และรายงานปัญหาที่พบกับผู้จัดการพาร์ทเนอร์โดยตรง
- การแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของเนื้อหาและข้อมูลอ้างอิง
- การตรวจสอบการกระทำที่อาจเกิดการร้องเรียนการละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงข้อขัดแย้งในการร้องเรียนการละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อกำหนดด้านนโยบาย
- การดำเนินการด้วยตนเองจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องไม่เป็นการตรวจสอบโดยอัตโนมัติหรือใช้สคริปต์
- การดำเนินการด้วยตนเองทั้งหมด เช่น การยืนยันการอ้างสิทธิ์ที่เป็นไปได้หรือการอ้างสิทธิ์ที่ถูกโต้แย้ง ต้องมีลักษณะดังนี้
- สื่อถึงขอบเขตการเป็นเจ้าของอย่างถูกต้อง
- สอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
- เป็นไปตามนโยบายทั้งหมดของ YouTube เช่น ข้อกำหนดของการได้รับสิทธิ์ในการสร้างรายได้
ข้อจำกัด
- อย่าใช้การดำเนินการด้วยตนเองภายใน Content ID ที่ส่งผลให้เกิดการบล็อกเนื้อหาที่ 1) วิจารณ์คุณหรือลูกค้าที่คุณเป็นตัวแทนในเชิงลบ และ 2) มีข้อความที่ตัดตอนมาจากผลงานที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ของคุณ
- "เป็นการวิจารณ์เชิงลบ" หมายถึงวัตถุประสงค์ในการใช้เนื้อหาเพื่อวิจารณ์และ/หรือนำเสนอเนื้อหา หัวข้อ ครีเอเตอร์ หรือผู้ถือสิทธิ์ของเนื้อหาในทางลบหรือไม่พึงปรารถนา
- "การดำเนินการด้วยตนเอง" รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการใช้การอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองหรือการเปลี่ยนนโยบายของการอ้างสิทธิ์ที่มีอยู่เพื่อบล็อก
- โปรดยื่นคำขอให้ลบออกตาม DMCA หากคุณเชื่อว่าเนื้อหาดังกล่าวละเมิดผลงานที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ของคุณ
- หากคำขอให้ลบออกตาม DMCA ถูกปฏิเสธและมีการขอให้คุณพิจารณาข้อยกเว้นด้านลิขสิทธิ์ คุณจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การดำเนินการด้วยตนเองเพื่อใช้การอ้างสิทธิ์การบล็อกในเนื้อหา ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเพิ่มการอ้างสิทธิ์ด้วยตนเองและการตั้งนโยบายการบล็อกในเนื้อหา
ข้อกำหนดด้านนโยบาย
- เนื้อหาทั้งหมดต้องมีข้อมูลเมตาที่ถูกต้อง สม่ำเสมอ และมนุษย์อ่านได้
- ผู้อัปโหลดต้องเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าเนื้อหาใดที่มีการอ้างสิทธิ์และใครคือเจ้าของเนื้อหานั้น จำนวนข้อมูลเมตาขั้นต่ำที่คุณต้องระบุจะขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อหาต่างๆ ดังนี้
- ไฟล์บันทึกเสียงหรือมิวสิกวิดีโอ: ให้ระบุ ISRC, ชื่อเพลง, ศิลปิน และค่ายเพลง
- บทประพันธ์เพลง: ให้ระบุชื่อเพลงและผู้แต่ง
- ตอนของรายการทีวี: ให้ระบุชื่อรายการและชื่อตอนหรือหมายเลขตอน
- ภาพยนตร์: ให้ระบุชื่อภาพยนตร์และผู้กำกับ
- การออกอากาศการแข่งขันกีฬา: ให้ระบุชื่อคู่แข่งหรือชื่อทีม และวันที่จัดกิจกรรม
- เนื้อหาเว็บอื่นๆ: ควรอธิบายถึงเนื้อหาอ้างอิงที่เชื่อมโยงกันอย่างถูกต้อง
- พาร์ทเนอร์เพลงมีหน้าที่รับผิดชอบความถูกต้องของข้อมูลเมตาที่ระบุไว้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเนื้อหาและการสร้างแทร็กภาพ
- หากข้อมูลเมตาที่คุณส่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพที่เรากำหนด เราขอสงวนสิทธิ์ในการจำกัดหรือควบคุมการส่งเนื้อหา
- ผู้อัปโหลดต้องเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าเนื้อหาใดที่มีการอ้างสิทธิ์และใครคือเจ้าของเนื้อหานั้น จำนวนข้อมูลเมตาขั้นต่ำที่คุณต้องระบุจะขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อหาต่างๆ ดังนี้
- ผู้จัดการเนื้อหาต้องใช้ประเภทเนื้อหาที่เหมาะสม
- เช่น พาร์ทเนอร์จะต้องไม่สร้างเนื้อหาเว็บสำหรับเนื้อหาเพลง เนื้อหามิวสิกวิดีโอไม่สามารถใช้กับการบันทึกการแสดงสดที่ค่ายเพลงไม่ได้สร้างขึ้น
-
- อย่าสร้างเนื้อหาที่ใช้ในการจับคู่ Content ID ที่ซ้ำซ้อนสำหรับเนื้อหา หากเนื้อหาที่ใช้ในการจับคู่ Content ID สำหรับเนื้อหานั้นมีอยู่แล้วในระบบ Content ID
- เพิ่มการเป็นเจ้าของให้กับเนื้อหาที่มีอยู่แทนที่จะสร้างเนื้อหาขึ้นใหม่
- อย่าเพิ่มการเป็นเจ้าของให้กับเนื้อหาหากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญานั้นจริงๆ
- การกระทำนี้อาจถือเป็นการละเมิดนโยบายเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงระบบของเรา และทำให้ข้อตกลงสำหรับพาร์ทเนอร์กับ YouTube ของคุณมีความเสี่ยง